คอลัมนิสต์

ภาวะความเป็นผู้นำไทยในภาวะคับขัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความคิดและความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงออกและประชาธิปไตยเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นผู้นำคนแรกของไทย ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย หมดอำนาจในช่วงต้นปี 2001 ที่อยากเห็นประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในเรื่องสิทธิ

ไทยเคยเป็นประเทศเสรีนิยมชั้นนำติดอันดับ 30 ต้นๆ ของโลก หลายๆ ดรรชนีระหว่างประเทศในอดีตที่วัดด้านขีดความสามารถคนไทย ระดับความเป็นประชาธิปไตยและสังคมเปิดกว้าง มากมายจิปาถะ ต่อมชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกาตกฮวบลงมาเป็นประเทศที่ถูกโจมตีทางด้านละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุดเพราะมีการใช้วิธีทรมานแบบเอาน้ำกรอกปาก กลายเป็นว่ารัฐบาลไทยที่ผ่านมากลัวเรื่องสิทธิมนุษยชน เพิ่งมารัฐบาลชุดนี้ ที่มีแนวทางชัดเจนว่าไม่กลัวเรื่องสิทธิมนุษยชน กล้าจะพัวพันกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การข้าหลวงว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัย หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ใน 4 อาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลอภิสิทธิ์ถูกถล่มด้วยเรื่องเด็ดๆ เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหลายเรื่อง เช่น การทารุณกรรมคนไทย-มุสลิมในสามจังหวัดภาตใต้ ชะตากรรมชาวโรฮิงญาที่ค้างติดในไทย เรื่องหมิ่นในหลวง ฯลฯ ล้วนส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ไทยแทบทั้งนั้น การละเมิดสิทธิมนุษยชนก็แดงขึ้นมาช่วงนี้ ผู้นำไทยมีความจำเป็นต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาคมระหว่างประเทศประจักษ์ว่านายกฯ ไทย ต้องมีจิตใจแนวแน่และมีนโยบายที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมาภิบาล ความพยายามรักษาสิทธิมนุษยชน เพราะประเด็นหล่านี้มักจะมีคนถาม มันสะท้อนถึงความเจริญทางด้านสังคมของเราด้วย เวลาบ้านเมืองเราไม่สงบและการเมืองไม่ลงตัวนั้น หลายประเทศเพื่อนบ้านดีใจมาก เพราะไม่ต้องแข่งกับไทย โดยเฉพาะในเรื่องการค้า การลงทุน แทนที่จะมาลงในไทยก็ไปลงที่เวียดนาม กัมพูชาหรือประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่มีโอกาสสร้างกำไรได้มากกว่า เวียดนามเป็นประเทศอาเซียนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ไทยมีวิกฤติทางด้านการเมืองในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุน นักลงทุนเบื่อสถานการณ์ในไทยเพราะไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น อีกในอนาคต ยิ่งมี ทักษิณ ชินวัตร อยู่เมืองนอกและมีเงินสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ยิ่งสามารถจะรณรงค์เรื่องอะไรก็ได้ต่อชื่อเสียงไทย ในฐานะเป็นผู้นำไทย อภิสิทธิ์ ต้องพยายามสร้างความสมดุลระหว่างความเชื่อเสรีนิยมทางด้านสิทธิมนุษยชนที่เขามีอยู่และเชื่ออย่างจริงจัง ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสิทธิมนุษยชนกับความเชื่อและแนวทางปฏิบัติรวมทั้งนิสัยของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มาจากหน่วยงานต่างๆ เพราะปัญหาที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนล้วนแล้วแต่มีต้นเหตุมาจากช่องว่างของความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกับนโยบายรัฐหรือความเชื่อผู้นำ สถานการณ์ในไทยจะคืนสู่สภาพปกติค่อนข้างเร็ว เราเป็นสังคมเปิดไปมาหาสู่สะดวก มีโครงสร้างทั้งทางด้านการลงทุน อุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน เพราะฟันเฟืองทุกตัวในบ้านเราเริ่มเดิน มันจะไปได้เร็ว และดูเหมือนประเทศรอบบ้านเราจะไม่ชินกับเมืองไทยที่มีกรอบความคิดใหม่ต่างๆ ทางสังคม
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ