(คลิปข่าว) การท่าเรือฯ เล็งปรับเงื่อนไข หวังดึงเอกชน

กทท.เปิดรับฟังความคิดเห็นโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 หลังจากมีผู้ซื้อซองประมูล 32 ราย แต่ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวและไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ โดยนักลงทุนบอกว่าสาเหตุที่ไม่ยื่นซองประมูล เพราะระยะเวลาในการเตรียมเอกสารน้อยเกินไป ประกอบกับไม่เข้าใจรายละเอียดการคำนวณต้นทุน ภาษีโรงเรือน รวมถึงเรื่องเงื่อนไขด้านประสบการณ์บริหารท่าเรือ

โดยเอกชนเสนอให้ผ่อนปรนเงื่อนไขทีโออาร์ แต่ยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ เพราะต้องเสนอให้คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาก่อนว่าสามารถผ่อนปรนเงื่อนไขเรื่องใดได้บ้าง แต่คงต้องปรับแก้ทีโออาร์บางส่วน แต่ไม่ได้ปรับในสาระสำคัญ เพื่อให้นักลงทุนคลายความกังวลในการเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ไม่มีประเด็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องหลักประกันซอง รวมถึงเรื่องการขอขยายอายุสัมปทาน รวมทั้งเรื่องการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติร่วมลงทุนให้เป็นไปตามโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 75% แต่เอกชนส่วนใหญ่มีข้อกังวลเรื่องการรับผิดชอบร่วมกันในโครงการ  โดยต้องการให้รับผิดชอบตามสัดส่วนร่วมลงทุน ขณะที่กฎหมายร่วมทุนของอีอีซี กำหนดให้ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบในสัดส่วนเท่ากัน ซึ่งคณะกรรมการอีอีซีรับทราบแล้ว  และอยู่ระหว่างปรับแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับความต้องการของเอกชนหลังจากนี้ กทท.จะเปิดประมูลรอบใหม่ โดยจะเปิดขายซองให้เอกชนที่ยังไม่ได้ซื้อซองประมูลโครงการเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุน ส่วนเอกชนทั้ง 32 รายที่ซื้อซองไปแล้ว อาจไม่ต้องซื้อซองประมูลใหม่ ส่วนระะยะเวลาเตรียมตัว จากการสอบถามเอกชนพบว่ามีข้อเสนอขอเวลาเตรียมตัวตั้งแต่ 1-3 เดือน แต่ส่วนใหญ่ลงความเห็นที่ระยะ 2 เดือน ซึ่งจะเสนอให้คณะกรรมการคัดเลือกตัดสินต่อไปในการเปิดรับฟังความเห็นในครั้งนี้มีเอกชนเข้าร่วมกว่า 60 ราย เช่น บริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท (ประเทศไทย) บริษัท อิโตซู คอร์ปอเรชั่น บริษัท แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท พีทีที แทงค์ และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชัน โดยเอกชนที่ชนะการประมูลจะได้รับสัมปทาน 30 ปี พัฒนาและบริหารโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 พื้นที่โซน F ความยาวหน้าท่า 2,000 เมตร มูลค่าโครงการ 84,361 ล้านบาท