วันนี้ในอดีต

สิ้น 'หลวงปู่ทิม' 96 ปี 69 พรรษา สุดยอดคณาจารย์วัดละหารไร่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

#หลวงปู่ทิม วันนี้ในเมื่อ 44 ปีก่อน

 

 

 

*************************

 

คนไทยสายบุญ สายวัด จะต้องรู้จัก “หลวงปู่ทิม อิสริโก” หรือ “พระครูภาวนาภิรัต” เป็นอย่างดี เพราะท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ เป็นยอดพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้ารูปหนึ่งของภาคตะวันออก ท่านเป็นคนถือสันโดษ ถือสมถะ ไม่ยึดติดทรัพย์สินใดๆ ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านสามารถตัดกิเลสออกไปทั้งปวง

 

หากแต่ท่านได้ละสังขารไปนานแล้วในวันนี้เมื่อ 44 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 16 ต.ค.2518 วันนี้ในอดีตจึงขอรำลึกถึงท่านอีกครั้งด้วยประวัติดังนี้

 

 

 

สิ้น 'หลวงปู่ทิม'  96 ปี 69 พรรษา สุดยอดคณาจารย์วัดละหารไร่

 

 

 

 

ประวัติตอนต้น

 

 

พระครูภาวนาภิรัต หรือที่รู้จักกันในนามว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเกิดเมื่อ ปีมะแม วันศุกร์ เดือน 7 ตรงกับวันที่ 16 เดือน มิถุนายน 2422 เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ งามศรี ที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร ตำบลละหาร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง  ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี)

 

หลวงปู่ทิม นามเดิมคือ “ทิม งามศรี” มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันเป็นชายทั้ง 3 คน ท่านเป็นคนกลาง และยังเป็นหลานของ “หลวงปู่สังข์” โดยมารดาของท่านเป็นน้องสาวหลวงปู่สังข์

 

 

 

สิ้น 'หลวงปู่ทิม'  96 ปี 69 พรรษา สุดยอดคณาจารย์วัดละหารไร่

 

 

 

หลวงปู่สังข์นี้เป็นพระปรมาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมอย่างยิ่งในสมัยนั้น และยังเป็นผู้ก่อตั้ง “วัดละหารไร่” ขึ้น เป็นพระที่เรืองวิทยาอาคมมาก ว่ากันถึงขนาดว่า น้ำลายที่ท่านถมถ้าถูกพื้นๆ จะแตก

 

จนเมื่อทางจังหวัดทราบถึงความเก่งกล้าในวิทยาอาคมของท่าน จึงนิมนต์มาอยู่ที่วัดเก๋งจีน และได้สร้างพระเนื้อตะกั่ววัดเก๋งจีนขึ้น

 

หากแต่ก่อนที่จะไปอยู่วัดเก๋งจีนนั้น หลวงปู่สังข์ได้ทิ้งตำราและวิทยาการต่างๆ ไว้ที่วัดละหารไร่ทั้งหมด เพราะท่านไม่หวงแหนในวิชาของท่านแต่อย่างใด ท่านกล่าวว่า “ใครมีปัญญาก็ค้นคว้าเอาเอง”

 

นี่จึงเป็นที่มาว่า เหตุใดหลวงปู่ทิมจึงได้มวิชาแก่กล้าในกาลต่อมาเช่นกัน 

 

 

 

วัยคะนอง

 

ต่อมาเมื่อมีอายุเจริญวัยได้ 17 ปี นายแจ้ผู้เป็นบิดาได้นำตัวของหลวงปู่ทิมไปฝากไว้กับท่านพ่อสิงห์ ที่วัดได้เล่าเรียนหนังสือกับท่านพ่อสิงห์พระอาจารย์เป็นเวลาประมาณ 1 ปี

 

จนเมื่อมีความสามารถเรียนรู้จนเข้าใจเขียนได้อ่านออกดีแล้ว นายแจ้ผู้เป็นบิดาของท่าน จึงได้ไปกราบนมัสการท่านพ่อสิงห์ขอตัวหลวงปู่ทิมให้กลับมาอยู่ที่บ้านเช่นเดิมเพราะไม่มีคนช่วยงาน หลวงปู่ทิมจึงได้ลาสิกขาออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานอย่างมีความกตัญญูกตเวที 

 

ทั้งนี้ตามประวัติจากเวบไซต์ http://www.dharma-gateway.com ได้เล่าไว้ว่า ในวัยหนุ่มของหลวงปู่ทิมนั้น ท่านเป็นคนคะนองเอาการอยู่ โดยท่านจะเป็นคนไปหาอาหารมาเลี้ยงครอบครัวด้วยการยิงนกตกปลาและออกเที่ยวล่าสัตว์ใหญ่ เพื่อนำไปขาย ซึ่งท่านทำไปด้วยความคึกคะนองประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งคือเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวของท่าน

 

จนเมื่อท่านอายุได้ 19 ปี ท่านจึงถูกคัดเลือกเป็นทหารและได้เข้าประจำการที่กรุงเทพฯ เป็นเวลาถึง 4 ปีเศษ จึงได้รับการปลดปล่อยกลับมาอยู่ที่บ้านตามเดิม

 

แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน บิดาของท่านจึงได้จัดการอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุ

 

 

วัยบวชเรียน

 

ที่สุด หลวงปู่ทิมอุปสมบท เมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน 2449 โดยมีพระคุณเจ้าท่านพระครูขาว วัดทับมาเป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สิงห์ (พระอาจารย์ของท่าน ในขณะที่ท่านได้ศึกษาครั้งแรก) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ พัทธสีมา วัดละหารไร่

 

ตอนนั้น ท่านได้ฉายาว่า “อิสริโก” เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้วท่านก็มาอยู่ที่วัดกับพระอาจารย์สิงห์ได้ 1 พรรษา ขณะที่ท่านอยู่กับพระอาจารย์สิงห์นั้น ท่านได้ค้นคว้าและศึกษาตำราของหลวงปู่สังข์ที่ได้ทิ้งไว้ให้ตามตู้พระไตรปิฎก

 

นอกจากนี้ หลวงปู่ทิม อิสริโก ยังตั้งใจที่จะฝึกฝนตนเองด้วยการออกธุดงค์ ซึ่งโดยมากพระในรุ่นเดียวกันไม่ค่อยทำกัน เพราะต้องการศึกษาในทางพระปริยัติธรรมมากกว่า

 

 

 

สิ้น 'หลวงปู่ทิม'  96 ปี 69 พรรษา สุดยอดคณาจารย์วัดละหารไร่

ขอบคุณภาพจาก ป๋าหลอด จงเจริญ เฟซบุ๊ก ‎หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ( พระเครื่อง )

 

 

 

หลวงปู่ทิมเมื่ออยู่ครบพรรษาแล้ว จึงขออนุญาตและมนัสการกราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา 3 ปี จึงตัดสินใจเดินทางกลับมายังจังหวัดชลบุรี บ้านเกิด

 

ตอนแรกท่านจำพรรษาอยู่ที่ “วัดนามะตูม” เป็นเวลา 2 พรรษา โดยระหว่างนั้น ยังร่ำเรียนวิชากับเกจิอาจารย์หลายอาจารย์ด้วยกัน รวมทั้งฆราวาส โยมเริ่ม โยมรอด และโยมสาย

 

นอกจากนั้นยังศึกษาตำราซึ่งตกทอดมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า เจ้าอาวาสวัดเก๋งจีนซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของหลวงปู่ทิม เป็นเวลา 2 ปี เศษ และต่อมาท่านจึงกลับมาอยู่ที่วัดละหารไร่หรือ (วัดไร่วารี) ตามเดิม

 

 

แสงสว่างที่วัดละหารไร่

 

ในยุคนั้น วัดละหารไร่ ซึ่งเดิมชื่อ “วัดไร่วารี” เนื่องจากมีน้ำอยู่ล้อมรอบ ว่ากันว่าเป็นที่กันดารมาก ถ้าจะไปต้องบุกป่าฝ่าดงพอสมคใร และอาจหลงทางได้ โดยในสมัยนั้นยังไม่มีถนน มีแต่ทางเดินแคบๆ เท่านั้น

 

 

 

สิ้น 'หลวงปู่ทิม'  96 ปี 69 พรรษา สุดยอดคณาจารย์วัดละหารไร่

ขอบคุณภาพจาก ใหญ่ สุดเทพ จากเฟซบุ๊ก ‎หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ( พระเครื่อง )

 

 

 

หลวงปู่ท่านจึงพัฒนาวัดขนานใหญ่ ด้วยความร่วมมือจากญาติโยมในท้องถิ่น จนต่อมาคณะสงฆ์ได้มอบหมายให้ท่านเป็น “พระอธิการทิม อิสริโก” เจ้าอาวาสวัดละหารไร่

 

ต่อมาท่านยังได้ก่อสร้างเสนาสนะ บูรณะซ่อมแซมกุฏิ และอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น 1 หลัง และในปี 2483 ได้จัดให้มีการเปิดโรงเรียนขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อสอนกุลบุตรกุลธิดาของประชาชน โดยใช้ศาลาการเปรียญเป็นสถานที่สอน

 

โดยในการนี้ ชาวบ้านต่างให้ความร่วมมือกับหลวงพ่ออย่างดี มีอาคารเรียน 1  หลัง ตามแบบ ป.1 ข. โดยใช้เวลาการก่อสร้างเพียง 8 เดือนก็แล้วเสร็จเรียบร้อย

 

ต่อมาท่านก็ชักชวนชาวบ้านช่วยกันพัฒนาก่อสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง สร้างหอฉันและศาลาการเปรียญสำเร็จ ด้วยเงินกว่า 4 ล้านกว่า

 

ด้วยผลงานดังกล่าว ในปี 2478 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน ต่อมาในปี 2497 ทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร และในปี 2507 ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น “พระครูภาวนาภิรัติ”

 

 

เป็นที่เคารพตลอดกาล

 

ในครั้งแรกท่านไม่ใยดีกับยศตำแหน่งที่ทางการคณะสงฆ์ได้มอบให้ และถูกทางคณะสงฆ์เร่งรัดให้ท่านเดินทางไปรับพัดยศที่จังหวัด ซึ่งท่านก็ไม่ไปรับ

 

จนกระทั่งชาวบ้านรู้ข่าว จำต้องพร้อมใจกันจัดขบวนแห่ไปรับพัดยศ และตราตั้งมาถวายให้กับท่านถึงวัด ท่านจึงต้องจำยอมรับอย่างเสียมิได้

 

อย่างที่เกริ่นไปว่าหลวงปู่เป็นพระที่น่าเคารพและบูชาเป็นอย่างยิ่ง นั่นเพราะท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูป เสียง กลิ่น รส

 

ทั้งนี้ ท่านฉันเช้าประมาณ 7 โมงเช้าและน้ำชาก็เวลา 4 โมงเย็น ถ้าเลยเวลาหลวงปู่ไม่ยอมฉันแม้แต่น้ำชา ท่านฉันข้าวมื้อเดียวมาประมาณ 47 ปี โดยงดเนื้อสัตว์จำพวก เนื้อ หมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิด ว่ากันว่าแม้แต่น้ำปลาก็ไม่ฉัน แต่อาหารที่ท่านฉันเป็น ผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่นอย่างนี้ตลอดมา

 

 

 

สิ้น 'หลวงปู่ทิม'  96 ปี 69 พรรษา สุดยอดคณาจารย์วัดละหารไร่

 

 

 

ที่สุด ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม 2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่ หลังจากที่ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา เป็นเวลา 23 วัน

 

คณะศิษย์ได้จัดพิธีศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดละหารไร่ หลังจากทำบุญ 100 วัน อุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงปู่ทิมแล้ว ได้เก็บศพไว้ที่ศาลา ภาวนาภิรัต ศาลาการเปรียญ วัดละหารไร่ จนกระทั่งได้ทำการพระราชทานเพลิงศพท่านไปเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2526 ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  รวมสิริอายุได้ 96 ปี นับพรรษาได้ 69 พรรษา

 

***************************

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

และขอบคุณข้อมูลประวัติจาก เวบไซต์ http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-tim-wat-laharnrai/lp-tim-hist.htm

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน เล่าไว้โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
-หลวงปู่เค็ม จากมุกตลกสู่วงการพระเครื่อง
-แห่หาพระหลวงพ่อจุ่นเกจิดังชัยภูมิติดตัวยิงไม่เข้า
-หลวงปู่ยนต์...อริยสงฆ์แห่งอีสานใต้พระผู้เปี่ยมด้วยพลังเมตตา

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ