วันนี้ในอดีต

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  "แครช ฮอลลี่"  หน้าคว่ำในอ่าง

6 พ.ย.2546  จุดจบสายปล้ำ "แครช ฮอลลี่" หน้าคว่ำในอ่าง

06 พ.ย. 2561

  เสน่ห์อีกอย่างคือความห้าวของเขาเองโดยการเปิดโอกาสให้ผู้ท้าชิงสามารถชิงแชมป์ได้ทุกที่ทุกเวลา จนได้รับการขนานนามว่า 24/7 คือ 7 วัน 24 ชั่วโมง!!

          วันนี้เมื่อ 15 ปีก่อน ไมเคิล จอห์น “ไมค์” ล็อกวูด นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันผู้โด่งดัง และมีฉายาในวงการมวยปล้ำว่า "แครช ฮอลลี" ได้เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 32 ปีเท่านั้น จากการเสพยาจนเกินขนาดเพื่อฆ่าตัวตาย และเขาก็ทำสำเร็จ โดยมีผู้พบศพเขาในลักษณะคว่ำหน้าลงอ่างอาบน้ำในบ้านเพื่อน

          ก่อนจะถามว่าทำไม คนที่ประสบความสำเร็จอย่างเขา ต้องทำเช่นนั้น เรามาอ่านประวัติของเขากันก่อน แล้วจะรู้

          ข้อมูลจากวิกิพีเดีย บอกว่า "แครช ฮอลลี" ถึงแม้เขาจะเป็นนักมวยปล้ำตัวเล็ก แต่ใจใหญ่มาก ถึงจะดูแล้วไม่น่าสู้กับใครได้ทำให้เขามักจะโดนดูถูกจากนักมวยปล้ำอื่น ๆ เสมอ แต่เขาก็มีจุดเด่น หรือ เสน่ห์ดึงดูดแฟนๆ มวยปล้ำยุคนั้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เช่น เปิดตัวมาพร้อมกับการแบกตาชั่งแล้วโม้ว่าตัวเองเนี่ยมีน้ำหนักถึง 400 ปอนด์ แต่ที่จริงน้ำหนักแค่ 212 ปอนด์เพียงเท่านั้น

          เสน่ห์อีกอย่างคือความห้าวของเขาเองโดยการเปิดโอกาสให้ผู้ท้าชิงสามารถชิงแชมป์ได้ทุกที่ทุกเวลา จนได้รับการขนานนามว่า 24/7 คือ 7 วัน 24 ชั่วโมง เค้าพร้อมที่จะป้องกันแชมป์!!

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  \"แครช ฮอลลี่\"  หน้าคว่ำในอ่าง

          แครช ฮอลลี่ เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2514 ช่วงปี 2539 เขาลงเล่นมวยปล้ำ โดยเคยปล้ำใน APW (All Pro Wrestling) ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อว่า The Leprechaun แต่ชื่อไปซ้ำกับสตาร์ที่อยู่ใน WCW ด้วย

          จนในปี 2541 เขาจึงใช้ชื่อ Erin O’Grady และปล้ำในสมาคม ECW ด้วยการปล้ำที่โดดเด่น ทำให้ WWF/E สนใจเข้ามาปล้ำด้วย โดยในวันที่ 19 มกราคม ปีนั้นเอว เขาถูกให้มาทดลองปล้ำ โดยเจอกับ Vic Grimes ก่อนจะเซ็นสัญญาเป็นนักมวยปล้ำ WWF/E หลังจากนั้น

          WWF/E ส่งเขาไปปล้ำที่ MPW (Memphis Power Pro Wrestling เป็นลีกล่างในเครือของ WWF/E) เพื่อพัฒนาทักษะการปล้ำ และเคยถูกส่งไปปล้ำที่ เม็กซิโก โดยการสวมหน้ากาก ภายใต้ชื่อ The Green Ghost (ในขณะนั้นยังอยู่ในสัญญา WWF)

          ช่วงปี 2542 เขาได้เปิดตัวครั้งแรกที่ WWF/E ในนามของ "แครช ฮอลลี" ซึ่งเปิดตัวในฐานะลูกพี่ลูกน้องของ "บ็อบ (ฮาร์ดคอร์) ฮอลลี" ซึ่งรับบทเป็นพี่ชายของเขา

          ในตอนเดบิวใหม่ๆ แครชถูกวางบทให้เป็น "เด็กมีปัญหา" ชอบก่อเรื่องไปทั่ว สร้างความละเหี่ยใจให้ ฮาร์ดคอร์ ฮอลลี บ่อยๆ

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  \"แครช ฮอลลี่\"  หน้าคว่ำในอ่าง

          อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็ได้ครองแชมป์แทกทีม ในวันที่ 19 ตุลาคม 2543 โดยเอาชนะ Rock ‘n’ Sock Connection (ดเวย์น จอห์นสัน กับ แมนไคด์) โดยที่ตอนนั้นแมนไคด์ มีปัญหากับ ดเวย์น จอห์นสัน พอดี  และไม่ยอมแท็กเข้ามาปล้ำ หนีลงเวทีไปซะดื้อๆ ในแมตช์นั้นมี HHH มายุ่งเกี่ยวด้วย

          แต่สองอาทิตย์ถัดมา แมนไคด์ ก็ได้จับคู่ปล้ำกับ อัล สโนว์ และชิงแชมป์แทกทีมคืนกลับไปได้ หลังจากนั้นเขาเริ่มเบนหาเข็มขัดที่จ๊อบเบอร์สมัยนั้นต้องการอย่างมาก คือ "แชมป์ฮาร์ดคอร์" ทำให้ "บ็อบ" และ "แครช " ได้แยกทีมกันชั่วคราวเพื่อไปไล่ล่าแชมป์ฮาร์ดคอร์กันทั้งคู่

          ต่อมาแครชได้แชมป์ครั้งแรกใน สแมคดาวน์ ปี 2000 โดยเอาชนะ เทสต์ ไปได้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของแชมป์ 22 สมัย ทั้งสองได้มาเจอกัน ในการชิงแชมป์ Hardcore แบบ Battle Royal ใน เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 16 และแยกทีมกัน หลังจากที่ฟอร์มทีมกันมานานร่วม 6 เดือน

          และช่วงนั้นเองที่แครชได้ลงไปเล่นในลีก Hardcore อย่างเต็มตัว หลังจากที่เขาได้ประกาศกฎใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ 24/7 คือชิงแชมป์ที่ไหนก็ได้ กดที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง ทำให้เขาเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องการ

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  \"แครช ฮอลลี่\"  หน้าคว่ำในอ่าง

          พอมีกฎแบบนี้ ปรากฏว่า มีนักมวยปล้ำมากมายต่างเข้ามาไล่ล่าแครชหวังแชมป์นี้กันใหญ่ แครชงแม้จะเสียแชมป์ไปบ้าง แต่เจ้าตัวก็ได้คืนกลับมาเสมอ

          สำหรับแมทช์ 24/7 ที่เด่นๆ คือการเจอกับทั้ง "เดอะ มีน สตรีต พอซซี" และ เดอะเฮดแบงเกอร์ส หรืออื่นๆ อีกมากมาย

          ที่น่าตลกคือ สถานที่แต่ละอย่างนั้น มันไม่น่าที่จะมีการปล้ำเลย เช่น สนามบิน, สวนสนุก ห้งอน้ำ ลานจอดรถ ร้านอาหาร ห้องในโรงแรม ฯลฯ จนได้ฉายาว่า “the Houdini of Hardcore” แต่สุดท้าย แครช ก็เสียแชมป์ให้กับแขกของ Godfather ในที่สุด

          ต่อมาเดือนมีนาคม ปี 2544 ในรายการ Heat แครชได้มีโอกาศ ชิงแชมป์ Ligth Heavyweight กับ ดีน มาเลนโก และเอาชนะไปได้ ป้องกันได้สองสมัย

          ก่อนจะเสียให้กับ Jerry Lynn ในเวลาต่อมา และในเดือนเมษายนปี 2545 Bob กับ Crash ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่ก็เป็นได้แค่ Lower-card team ที่เอามาดันรุ่นน้อง และไม่มีบทอะไรเท่าไหร่นัก

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  \"แครช ฮอลลี่\"  หน้าคว่ำในอ่าง

          ปี 2545 WWE ได้มีการแยกแบรนด์เป็น รอว์ และ สแมคดาวน์ แครชถูกดราฟมาที่ Raw ในเดือนกันยายนปี 2545 เขาก็ไปโผล่ใน สแมคดาวน์ จากแผนการที่ Eric Bischoff จะยกพวกจาก Raw ไปที่

          สแมคดาวน์ และแครช ก็วางแผนที่จะกำจัด เจฟฟ์ ฮาร์ดี โดยการไปร่วมมือกับ แมทท์ ฮาร์ดี แต่ก็ไม่สำเร็จ

          หลังจากนั้น เขาก็เป็นสตาร์ของ สแมคดาวน์ ไปโดยปริยาย Crash ประเดิมการปล้ำแมตช์แรกในวันที่ 5 กันยายน โดยการเอาชนะ The Hurricane ในการชิงแชมป์ Cruiserweight แต่หลังจากนั้น ก็มาเสียให้กับ เจมี โนเบิล ในวันที่ 3 ตุลาคม

          ต่อมาเดือนธันวาคม วันที่ 19 แครชได้ฟอร์มทีมกับ Bill Demot เอาชนะ Nunzio และ Jamie Noble แต่หลังจบแมตซ์ Demot ก็จัดการ Crash ไปด้วย ทั้งสองมาเจอกันในวีคถัดมา ก่อนที่แครชจะแพ้ไปแบบหมดสภาพ และก็หายยาวไป

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  \"แครช ฮอลลี่\"  หน้าคว่ำในอ่าง

          จนกระทั่ง ในวันที่ 24 เมษายนปี 2546 แครชได้เปิดตัวมาเป็นลูกน้องของ Matt Hardy กับ Shanon moore ในนามทีม Mattitude ได้ปล้ำแทกทีมกับ Shanon Moore บ้าง และแมตซ์สุดท้ายของเขากับ WWE คือการปล้ำจับคู่กับ Shanon Moore รุมสกำ Orlando Jordan ใน House Show

          สิริรวมแครชคว้าแชมป์ฮาร์ดคอร์ได้ทั้งหมด 22 สมัย นับว่าเป็นสถิติสูงมากใน WWE รวมทั้งคว้าแชมป์ยูโรป แชมป์แท็กทีมและ แชมป์ไลท์เฮฟวี่เวทได้ด้วย นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง

          แต่ช่วงหลัง บทบาทของแครชก็ลดลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายันที่ 30 มิถุนายน 2546 แครชได้ถูกปล่อยตัวออกจาก WWE ในที่สุด

          และย้ายไปอยู่ TNA โดยใช้ชื่อว่า แมด ไมกีย์ ปล้ำได้พักหนึ่ง แล้วก็ออกจากสมาคมไปก่อตั้งสมาคมของเขาเอง ภายใต้ชื่อ Heartland Wrestling Association

          อย่างไรก็ดี ไม่ทันไร วันที่ 6 พฤศจิกายน 2546 สตีวี ริชาร์ด ได้ไปพบศพของเขาในบ้านของริชาร์ดเอง โดยอยู่ในสภาพหน้าคว่ำในอ่างอาบน้ำ ศพของเขาถูกฝังไว้ที่ Rowan County, North Carolina

6 พ.ย.2546   จุดจบสายปล้ำ  \"แครช ฮอลลี่\"  หน้าคว่ำในอ่าง

          ทุกคนยืนยันว่าเขาฆ่าตัวตาย และสอดคล้องกับข่าอีกมุมหนึ่งที่ว่า สาเหตุที่่ WWE ปล่อยตัวแครชไปเป็นเพราะเจ้าตัวมีปัญหาด้านสุขภาพ มีข่าวว่าติดยาอย่างหนักจน WWE ตัดสินใจปล่อยตัวออกไปนั่นเอง

          จึงเป็นที่มาว่า สาเหตุการเสียชีวิตคือ การฆ่าตัวตายด้วยการเสพยาเกินขนาด ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า แครชกินคาริโซโพรดอล (ยาคลายกล้ามเนื้อ) กับเหล้าเข้าไปจนเกิดอาการช็อค

          กระทั่งเมื่อมีการสอบสวนก็พบจดหมายลาตายที่เขียนไว้ให้ภรรยาของเขา ซึ่งบ่งบอกว่า แครชมีการเตรียมการอย่างดีสำหรับการตายครั้งนี้ ทำให้ตำรวจสรุปสำนวนได้ว่า เขาฆ่าตัวตาย

          แต่แครชก็มีความทรงจำดีๆ ที่แฟนๆ มวยปล้ำของเขาทุกคนจดจำไปชั่วกาล

//

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

เฟซบุค Referee no 4