วันนี้ในอดีต

 แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต "พัชรา แวงวรรณ"

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน จบเพลงชีวิต "พัชรา แวงวรรณ"

10 ต.ค. 2561

เธอควรจะมีชีวิตที่มีความสุข สมบูรณ์แบบไม่ใช่หรือ เป็นคำถามที่เกิดขึ้นทั่วไปในสังคมไทยเวลานั้น

          ถ้าใครจำเธอได้ จะรู้ว่าบทเพลงที่เธอขับร้อง เกือบทั้งหมดจะเป็นเพลงเศร้า เพลงผิดหวัง เพลงเรียกน้ำตาแทบทั้งสิ้น

          แต่มันก็ได้ก็ส่งให้ "เอ๋ พัชรา แวงวรรณ" อดีตนักร้องนำแห่งวง “ดิ โอเวชั่น” เป็นอีกหนึ่ง "ดีว่า" ของคนไทย ที่ใครๆ ก็รักเธอ ด้วยน้ำเสียงแหบเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์

          หากใครเลยจะคาดคิดว่า วันนี้เมื่อ 6 ปีก่อน เธอได้จบบทเพลงชีวิตสุดเศร้าของตนเอง ด้วยน้ำมือของตัวเอง แขวนคอตายกับขื่อโรงรถในบ้านพักที่เธอใช้ชีวิตอยู่ ณ ดินแดนแห่งความฝันของใครหลายคน อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต \"พัชรา แวงวรรณ\"

          ข่าวเศร้านี้ คนไทยได้ยินพร้อมกันราวช่วงวันที่ 12 ต.ค. 2555 เมื่อข่าวระบุว่า ตำรวจสหรัฐฯ เผยพบศพหญิงเอเซีย อายุ 48 ปี ในลักษณะแขวนคอในโรงจอดรถที่บ้านพัก จนกระทั่งทางกรมการกงสุลไทย กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งข่าวว่าเป็น "พัชรา แวงวรรณ" อดีตนักร้องวงดิโอเวชัน หรือชื่อจริง คือ “น.ส.ผดุงศรี แวงวรรณ”        

          แน่นอนที่คนไทยต่างพากันช้อคและเศร้าสลด ไม่คาดคิดว่า อดีตนักร้องดังจะต้องมาพบกับจุดจบที่แสนสะเทือนใจเช่นนี้ เธอควรจะมีชีวิตที่มีความสุข สมบูรณ์แบบไม่ใช่หรือ เป็นคำถามที่เกิดขึ้นทั่วไปในสังคมไทยเวลานั้น!!

          เช่นเดียวกับทางครอบครัวของอดีตนักร้องสาว ที่ทุกคนไม่ปักใจเชื่อว่า พัชรา แวงวรรณ จะฆ่าตัวตาย จึงมีการประสานไปยังกงสุลใหญ่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อชันสูตรศพอีกครั้ง

          โดยเฉพาะบิดาของเอ๋ นายโกศล แวงวรรณ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด 2 สมัย ได้เปิดเผยกับนักข่าวว่า ตนเองไม่เชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะรู้จักนิสัยดีตั้งแต่เล็กว่าไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะเป็นคนร่าเริง ไม่เครียด และแม้แต่ตอนที่พ่อแม่แยกทางกันเป็นคนปลงตก คอยปลอบใจแม่ และพ่อตลอดเวลา ให้รู้จักปล่อยวางและต่อสู้กับชีวิต

          ปกติตนมีลูกชาย 3 คน ลูกสาวคนเล็ก 1 คน คือพัชรา แวงวรรณ ตอนที่สูญเสียพี่ชายไป 2 คน ก่อนหน้านั้น พัชรา แวงวรรณ น่ะแหละเป็นคนที่ตั้งสติได้และปลอบโยนทุกคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนคิดสั้น ถึงกับแก้ปัญหาอะไรไม่ได้และคิดฆ่าตัวตาย เพราะหากมีปัญหาก็ต้องเล่าให้ฟัง แต่เท่าที่ติดต่อกันตลอด ไม่เคยบอกว่าชีวิตมีปัญหาอะไร มีแต่บอกว่าทุกอย่างราบรื่นดี

          “ผมจึงมีความเชื่อมั่นว่าการฆ่าตัวตายจะต้องมีเงื่อนงำ พอทราบว่าเป็นฆ่าตัวตายทุกคนช้อคหมด มีการประสานไปพูดคุยกับแม่คือนางศรีสุดารัตน์ และพี่ชาย เขาก็ไม่เชื่อ ดังนั้นตอนนี้กำลังประสานไปยังกงสุลไทยให้ช่วยตรวจสอบหาความชัดเจน ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรแน่ และหาสาเหตุออกให้ได้ว่ามีเงื่อนงำหรือไม่ และหากสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ก็จะต้องพิสูจน์ให้ชัดว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่”อดีตส.ส.ร้อยเอ็ดระบุ

(ข่าวจาก http://entertain.teenee.com/thaistar/94853.html)

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต \"พัชรา แวงวรรณ\"          

          แต่ที่สุด ไม่นานนัก ผลการชันสูตรพลิกศพก็ยืนยันออกมาชัดเจนว่า “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” จบชีวิตลงด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” ด้วยวิธีแขวนคอกับขื่อโรงรถของบ้านพัก เมืองริเวอร์ไซด์ ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผลการพิสูจน์ศพเป็นลักษณะผูกคอตายและไม่มีการบีบคอ ตรวจกระเพาะอาหารก็ไม่พบว่ามีการวางยาใดๆ

          ทำให้หลายคนออกมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุแห่งการตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองครั้งนี้ไม่ได้

          โดยเฉพาะมุมมองที่สะท้อนว่า ชีวิตคนไทยในต่างแดนไม่ใช่ว่าจะสวยหรูเหมือนวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวอนเดอร์ หากแต่ต้องทำงาน แก่งแย่ง ชิงดี จนส่งผลให้เกิดความเครียด และอาจเป็นเหตุให้คิดสั้นได้

          สำหรับ เคสของ “ผดุงศรี แวงวรรณ” หรือที่แฟนเพลงรู้จักในนาม “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” นั้น ทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมมันจึงสวนทางกับคนในครอบครัวที่ระบุข้างต้นว่าเอ๋เป็นคนที่เข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่ง

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต \"พัชรา แวงวรรณ\"

บ้าน และโรงจอดรถที่ เอ๋ พัชรา แวงวรรณ แขวนคอตายปริศนา ที่สหรัฐอเมริกา 

          โดยข้อมูลระบุว่า เอ๋ เป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้าน โดยเธอเคยมีพี่ 3 คน แต่เธอได้สูญเสียพี่ชายไปจากอุบัติเหตุถึง 2 คน 

          "เขาไม่เคยบอกเลยว่าชีวิตมีปัญหาอะไร มีแต่บอกว่าทุกอย่างราบรื่นดี” คำพูดนี้ เป็นคำพูดของผู้เป็นพ่อที่เผยความรู้สึกทั้งน้ำตา (ข่าวจาก MGR Online ต.ค. 2555)

          ทั้งนี้ ขณะนั้น เอ๋เพิ่งโทร.มาขอให้ญาติๆ ส่งหลักฐานเกี่ยวกับการศึกษาไปให้ เพื่อดำเนินการเรื่องเรียนต่อพยาบาลที่ดร็อปไว้ให้จบ และมักจะยืนยันซ้ำๆ ทุกครั้งที่ติดต่อมาด้วยคำพูดที่ว่า “จะเรียนต่อให้จบ ตอนนี้ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว ต่อไปจะพาครอบครัวไปอยู่ด้วย จะไม่ต้องลำบากกันอีกแล้ว”

          แต่ปรากฏว่าในข่าวที่ระบุคำให้การของ “โซล มิเรอร์” อเมริกันผิวสีวัย 80 ปี ผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เอ๋พักอาศัยอยู่ประจำเมืองริเวอร์ไซด์ โดยเขาเล่าว่ามีคนมาทำสวนที่บ้านตรงข้ามได้เห็นศพในโรงรถ เนื่องจากโรงรถเปิดอยู่จึงแจ้งให้ทราบ

          และยังระบุถึงความจริงอีกด้านคือ เอ๋นั้นเป็นคนที่ทำงานหนัก โดยรับสอนหนังสือ และดูแลคนชราในอเมริกา (เคยทำงานที่  National Certified Medical Assistant Instructor NCMA) ทั้งยังต้องส่งเงินให้ครอบครัวใช้เดือนละ 2-3 หมื่นบาทมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี แต่ช่วงหลังเธอตกงานที่ทำอยู่ทั้ง 3 แห่ง ทั้งยังต้องพักการเรียนวิชาพยาบาลเอาไว้ชั่วคราวด้วย!!

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต \"พัชรา แวงวรรณ\"

ภาพของเอ๋ ในเฟซบุค ซึ่งลงวันที่ 4 ต.ค.2555 ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเท่านั้น

          เช่นเดียวกับคำให้สัมภาษณ์ของ นฤชา เพ่งผล นักจัดรายการจิ๊กโก๋ยามบ่าย ซึ่งเป็นผู้ที่ผลักดันให้เอ๋เข้าวงการ และนักร้องสาวก็ยกให้เขาเป็นพ่อคนที่สอง ได้กล่าวว่า ก่อนจะได้ยินข่าวร้ายไม่นาน เอ๋โทรมาขอยืมเงินตน 2,000 บาท เพื่อจ่ายค่าไฟ โดยบอกว่าบ้านเอ๋กำลังจะโดนตัดไฟ ตนก็ให้ไปและก็ไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งทราบว่าเขาเสียชีวิต!! (ข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/747791)

          อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจได้คำตอยว่า บางครั้งคนที่เข้มแข็ง อาจเพราะเขากำลังเก็บกดมันไว้ คนที่มีรอยยิ้มอาจซ่อนรอยน้ำตาไว้ก็ได้

          การตัดสินใจของเอ๋ เพราะมันอาจถึง "จุดพีคสุด" ของชีวิตที่จะแบกไว้ก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อข่าวได้รายงานอีกว่า สาเหตุหนึ่งที่เป็นชนวนเหตุให้ผู้ตายคิดสั้นผูกคอตายนั้น ทราบว่ามีความขัดแย้งกับแฟน ซึ่งมุมนี้ไม่ได้มีรายงานใดๆ ออกมาว่าแฟนของเธอเป็นใคร และหายไปไหนหลังการตายของเธอ

          สำหรับ เอ๋ พัชรา แวงวรรณ เธอเกิดเมื่อ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรสาวคนเล็กในบรรดาบุตร 4 คน ของ “โกศล แวงวรรณ” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด กับ ศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ ก่อนครอบครัวย้ายมาอาศัยอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต \"พัชรา แวงวรรณ\"

          ภายหลังพ่อแม่ของเอ๋ได้แยกทางกัน โดยช่วงแรกลูกทุกคนอยู่กับบิดาทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อบิดามีภรรยาใหม่ ลูกๆจึงไปๆมาๆ

          เอ๋เริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เมื่อเธอเรียนจบชั้นมัธยม เธอเข้าเป็นนักร้องที่โรงแรมแชงกรีล่า กรุงเทพมหานคร เป็นที่แรกในปี พ.ศ. 2524 จนกระทั่งเธอได้เข้าร่วมกับวงดนตรีชื่อ “ดิ โอเวชั่น”

          ซึ่งต่อมาวงดิโอเวชั่นก็ได้เป็นศิลปินกลุ่มสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น ในปี พ.ศ. 2525 มีอัลบั้มแรกของวงปีเดียวกัน ในชื่อว่า “รักและคิดถึง” มีเพลงดังอย่างเพลง รักและคิดถึง, ขอเป็นเพื่อนใจ

          อัลบั้มชุด 2 ตามมาในปี พ.ศ. 2526 ชื่อ “ที่เก่าเวลาเดิม” มีเพลงเด่นอย่าง ที่เก่าเวลาเดิม, ปีต่อมาตามมาด้วยอัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อว่า “รักเธอเสมอ” มีเพลงเด่นอย่าง รักเธอเสมอ, อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

แขวนคอลาโลกที่ต่างแดน  จบเพลงชีวิต \"พัชรา แวงวรรณ\"

          ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ทางวงก็ได้รับ “ไวยวุฒิ สกุลทรัพย์ไพศาล” (ขาว) พี่ชายแท้ๆ ของ วิรุฬ สกุลทรัพย์ไพศาล หรือ “ดำ ฟอร์เอฟเวอร์” ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักร้องนำคนใหม่ของวงคู่กับเอ๋ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับวง

          โดยในปีนั้น ทางวงได้ออกอัลบั้มชุดที่ 4 ในชื่อว่า “รักข้ามขอบฟ้า” มีเพลงเด่นคือเพลง รักข้ามขอบฟ้า, ฤทธิ์กามเทพ, พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอจนตาย, คนไร้รัง 

          ในปี พ.ศ. 2529 ดิ โอเวชั่น ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 5 ในชื่อว่า “รักไม่รู้จบ” มีเพลงเด่นอย่างเช่นเพลง รักไม่รู้จบ , รักเอย , คนหลายใจ , ใจคนคอย

          โดยอัลบั้ม รักไม่รู้จบ ถือเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของ พัชรา แวงวรรณ กับ ดิ โอเวชั่น เพราะหลังจากการโปรโมตอัลบั้มนี้ได้ซาลงไป ทางต้นสังกัด คือ นิธิทัศน์ ก็เห็นว่าเอ๋นั้นไม่เหมาะกับเพลงเร็ว เพราะแนวเสียงของเธอนั้นเหมาะกับเพลงช้ามากกว่า ทางนิธิทัศน์จึงได้ให้เธอแยกออกมาทำอัลบั้มเดี่ยว ทางวงจึงต้องหานักร้องหญิงคนใหม่มาแทน พัชรา นั่นคือ พรพิมล ธรรมสาร (ก้อย) โดยก้อยได้มาเป็นนักร้องนำของวงโอเวชั่น ในอัลบั้ม “เริ่มวัยรัก” (พ.ศ. 2530)

          สำหรับอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของเอ๋วางแผงในปี พ.ศ. 2530 โดยใช้ชื่อชุดว่า “เพียงดวงตาและรอยยิ้ม” อัลบั้มชุดนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก

          จนตามมาด้วยอัลบั้มชุดที่ 2 ในปี พ.ศ. 2531 คืออัลบั้ม “ไม่รักไม่เจ็บ” ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ออกชุดที่ 3 ชื่อว่า “เพราะเรามาทีหลัง” โดยในชุดนี้มีเพลงเด่นอย่าง “เพราะเรามาทีหลัง”

          หลังจากที่หายไปสองปีในเดือนกันยายน พ.ศ. 2535 เอ๋ได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 ในชื่อว่า “กล้ำกลืน” ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 ตามมาด้วยอัลบั้มเดี่ยวชื่อ “แอบช้ำ”

          ช่วง พ.ศ. 2537-2539 พัชราออกอัลบั้มเดี่ยวต่ออีกสองอัลบั้มในสังกัดนิธิทัศน์ ได้แก่ “ขื่นขม” และ “คลื่นซัดใจ” กระทั่ง พ.ศ. 2540 พัชราออกอัลบั้มเดี่ยวสังกัดวีเอ็มพี โดยมีชื่ออัลบั้มว่า “ไม่มีคืนนั้นอีกแล้ว”

          ก่อนที่ชื่อของเธอจะหายเงียบไป จนคนไทยมารู้ตัวอีกทีก็กลับกลายเป็น "ข่าวร้าย" !!! เมื่อเธอผูกคอตาย ลาโลกไปในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ที่ริเวอร์ไซด์ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นด้วยการร้องเพลงตามร้านอาหารและเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุเป็นเวลา 10 กว่าปี

          บ่ายวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 มีพิธีฌาปนกิจศพพัชรา โดยมีดาราหลายคนและประชาชนร่วมงานนับพันคน

          ขอบคุณ นกน้อยพัชรา แวงวรรณ ที่เคยขับขานบทเพลงแสนเศร้าที่ยากจะลืมเลือน

          ขอระลึกถึงเธอด้วยบทเพลงนี้ก็แล้วกัน 

ขอบคุณผู้ใช้ ยูทูบ "ประเสริฐ ฉิมท้วม"

////////////////

ขอบคุณภาพและข้อมุลจาก

วิกิพีเดีย

 MGR Online

www.thairath.co.th/content/747791

http://entertain.teenee.com/thaistar/94853.html

https://www.youtube.com/watch?v=JmMswlYKL9s