วันนี้ในอดีต

1 ต.ค.2529 สิ้น "หลวงพ่อต่วน" วัดกล้วย อรหันต์กรุงเก่า

1 ต.ค.2529 สิ้น "หลวงพ่อต่วน" วัดกล้วย อรหันต์กรุงเก่า

01 ต.ค. 2561

หลายคนสงสัยว่าทำไมอัฐิของท่านจึงมีสีขาวสะอาดและมีสีสันสวยงาม และที่แปลกอีกอย่างหนึ่งคือ ทำไมบริเวณกระดูกหน้าแข้งของท่านจึงเป็นหินสีน้ำตาล

                ถ้าพูดถึงพระอรหันต์บ้านเราแล้ว หนึ่งในนั้น คนไทยต้องนึกถึง พระครูอินทรวุฒิกร (ต่วน อินทฺปญฺโญ) หรือ หลวงพ่อต่วน วัดกล้วย โดยเมื่อวันนี้ของ 32 ปีก่อน คือวันที่ท่านมรณภาพ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สิริอายุ 85 ปี

                หลวงพ่อด่วน อินทปัญโญ กำเนิดในปี พ.ศ. 2444 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่รู้จักในฐานะ พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าแห่ง พระนครศรีอยุธยา อดีตเจ้าอาวาส วัดกล้วย นับเป็นสุดยอดพระคณาจารย์คนหนึ่ง ที่มีความสามารถในการปลุกเสกวัตถุมงคล และอัฏฐิของท่านนั้นยังเก็บอยู่ที่วัดกล้วย

1 ต.ค.2529 สิ้น \"หลวงพ่อต่วน\" วัดกล้วย อรหันต์กรุงเก่า

             

                อย่างไรก็ดี ชาติกำเนิดเดิมของท่าน ท่านเกิดที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยว่ากันว่า ในบรรดาพี่น้องหลายคน ท่านเองเป็นคนรูปร่างเตี้ยล่ำ ผิวคล้ำ วัยเด็กเรียนหนังสืออยู่กับพระที่วัด และติดตามพระอาจารย์เดินธุดงค์เข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

                ระหว่างนั้นในช่วงวัยรุ่น หลวงปู่ต่วน ท่านได้ศึกษาวิชาอาคม และ ศึกษาวิชาคาถา ต่างๆ ร่างกายของท่าน มีการสักยันต์ และ อาบน้ำว่านเย็นเต็มไปหมด จนเมื่อมีอายุครบอุปสมบท ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่กรุงพนมเปญ และจำพรรษาอยู่ที่นั้น 1 พรรษา เมื่อออกพรรษารับผ้ากฐินแล้ว จึงเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

                มีเรื่องเล่าว่า ในระหว่างทางที่มาไทย ท่านก็ได้เดินทางมาพร้อมสหายหลายรูป แต่ส่วนใหญ่กลับสู่ประเทศเขมรหมดแล้ว คงเหลือแต่พระสหายเพียง 2 พระองค์ ก็คือ หลวงปู่หิน วัดระฆัง ธนบุรี กับ หลวงปู่สร้อย วัดทางหลวง อ.บางซ้าย จ.อยุธยา

                ต่อมาในปี พ.ศ. 2469 ท่านได้มาจำพรรษาวัดหัวโนน หรือวัดหัวใน ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อเรียนวิปัสนากรรมฐาน กับหลวงปู่ทา เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นชาวจังหวัดอุทัยธานี หลวงปู่ทาเป็นพระอาจารย์ที่มีวิชาอาคมมาก ท่านเป็นพระสหายที่ร่วมเดินธุดงค์กับหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ จ.อยุธยา

                หลวงพ่อต่วน ท่านอยู่จำพรรษาอยู่กับ หลวงปู่ทา เพื่อเรียนวิชากับท่าน ที่วัดหัวโนน อยู่เพียง 3 พรรษา หลวงปู่ทา ก็ให้หลวงพ่อต่วน เดินทางมาจำพรรษา เพื่อพัฒนาวัดกล้วยเพื่อพัฒนาที่วัดกล้วยเจริญมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2514 และได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสในปีนั้นด้วย     

         1 ต.ค.2529 สิ้น \"หลวงพ่อต่วน\" วัดกล้วย อรหันต์กรุงเก่า

ภาพจาก อริยะ เผดียงธรรม [email protected] จากข่าว https://www.khaosod.co.th/amulets/news_1359251

           วัตถุมงคลของท่าน ที่โดงดังไม่เป็นรองใคร ก็คือ ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อต่วน รอบเหรียญยกขอบนูนขึ้น ที่ขอบเหรียญด้านซ้ายมีอักษรเขียนว่า "ที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าพระอุโบสถ ขอบเหรียญด้านขวาเขียนว่า "วัดกล้วย จ.อยุธยา" ขอบล่างเขียนว่า "หลวงพ่อต่วน อินฺทปญฺโญฺ" ด้านหลังเหรียญเรียบไม่ยกขอบมีรูปยันต์ตรงกลาง เขียนอักษรขอมเป็นตัว นะ สาลิกา ต่อด้วยอุนาโลม 9 ชั้น ภายในยันต์ทั้ง 4 ทิศเขียนตัวภาษาขอมว่า "นะ ชา ลิ ติ" รอบยันต์ เป็นอักษรขอม เขียนว่า "นะ จัง งัง ปิ ยัง อะ" ซึ่งล้วนแต่เป็นคาถาเกี่ยวกับความเมตตามหานิยมต่อผู้ที่พบเห็น ใต้ยันต์มีอักษรเขียนว่า พ.ศ. ๒๕๒๕ (เป็นเลขไทย) ที่สนใจสามารถหาเช่าบูชาได้ที่วัดกล้วย ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนคร ศรีอยุธยา และยังเข้าไปกราบไหว้รูปหล่อหลวงพ่อต่วนและอัฐิธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีก

                อนึ่งท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2529 หลังจากวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ต่วน แล้ว ก็ทำพิธีสามหาบเก็บอัฐิธาตุ และทำพิธีบรรจุอัฐิลงในรูปเหมือนของท่าน ในการทำพิธีบรรจุอัฐินั้น หลายคนสงสัยว่าทำไมอัฐิของท่านจึงมีสีขาวสะอาดและมีสีสันสวยงาม และที่แปลกอีกอย่างหนึ่งคือ ทำไมบริเวณกระดูกหน้าแข้งของท่านจึงเป็นหินสีน้ำตาล และกระดูกศีรษะเป็นสีเขียว สีฟ้า

1 ต.ค.2529 สิ้น \"หลวงพ่อต่วน\" วัดกล้วย อรหันต์กรุงเก่า   1 ต.ค.2529 สิ้น \"หลวงพ่อต่วน\" วัดกล้วย อรหันต์กรุงเก่า

ภาพจาก http://www.relicsofbuddha.com/marahun/page8-2-10.htm

                ขณะนั้นยังไม่มีใครรู้จักเรื่องกระดูกที่แปรเป็นพระธาตุกันมากนัก พระครูประภัศรญาณสุนทร ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา จึงได้เก็บกระดูกส่วนศีรษะไว้ชิ้นหนึ่ง และส่วนหน้าแข้งที่เป็นหินชิ้นหนึ่ง โดยไม่นำไปบรรจุในรูปเหมือนของท่าน ต่อมาเมื่อไปเก็บเศษขี้เถ้า จึงได้พบฟัน และลูกตาสีนิลทั้ง 2 ข้าง ส่วนเศษกระดูกนั้นในระยะแรกก็มีไขมันจับเยิ้มอยู่ แต่พอนานๆไปก็กลายเป็นผลึกหยกสีต่างๆและกลายเป็นพระธาตุเม็ดเล็กๆ กระดูกส่วนอื่นๆ ก็จับตัวเป็นเหมือนปะการังสีขาว

                สำหรับธรรมโอวาท ที่คนไทยควรจดจและเดินรอยตาม คือ

                ๑. ข้อคิด กระดานแผ่นเดียว : มนุษย์เรานั้นจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม จะอยู่ตึก หรือ กระต๊อบ ก็มีค่าเพียงกระดานแผ่นเดียว

                ๒. ศีล : ย่อมผูกใจไว้ซึ่งจิตโดยธรรมชาติ เพราะเหตุนั้นธรรมชาติอันเป็นเครื่องผูก ที่เรียกว่าศีลย่อมถูกข่มไว้ซึ่งจิต เพราะเหตุนั้นธรรมชาติอันเป็นเครื่องข่มที่เรียกว่าศีลนี้ ย่อมยังกุศลกรรมทั้งหลายให้ทรงไว้ เพราะเหตุนั้นธรรมชาติอันเป็นเครื่องยังกุศลกรรมทั้งหลายให้ทรงไว้จึงชื่อว่า ศีล

//////////////

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

วิกิพีเดีย

http://www.relicsofbuddha.com/marahun/page8-2-10.htm