วันนี้ในอดีต

5 เม.ย.2534  คืนแห่งกระสุนเดือด  เจ้าพ่อ "แคล้ว ธนิกุล"

5 เม.ย.2534 คืนแห่งกระสุนเดือด เจ้าพ่อ "แคล้ว ธนิกุล"

05 เม.ย. 2561

สิ่งที่คร่าชีวิตเขาคือ ห่ากระสุนชนิดที่ต้องบอกว่าทำเอาช่วงถนนที่เกิดเหตุ หรือบริเวณหลัก กม.ที่ 54-55 ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี สว่างวาบไปทั่ว

                ช่วงหัวค่ำของคืนวันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2534 ขณะที่ผู้คนกำลังเดินทางกลับบ้าน และเริ่มสบายใจกับการที่จะได้มีวันพักผ่อนหยุดยาวไปอีก 3 วัน

                แต่ที่ถนนปิ่นเกล้านครชัยศรี ในเขตอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม กลับไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับคนชื่อ แคล้ว ธนิกุล เพราะเขาต้องประสบชะตากรรมถึงขั้นสูญเสียชีวิต เมื่อเขาได้พบว่า มัจจุราชกำลังมาเคาะประตูรถที่เขานั่งอยู่

 

5 เม.ย.2534  คืนแห่งกระสุนเดือด  เจ้าพ่อ \"แคล้ว ธนิกุล\"

                สิ่งที่คร่าชีวิตเขาคือ ห่ากระสุนชนิดที่ต้องบอกว่าทำเอาช่วงถนนที่เกิดเหตุ หรือบริเวณหลัก กม.ที่ 54-55 ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี สว่างวาบไปทั่ว

                โดยผู้ร้ายสังหารเขาด้วยอาวุธสงคราม ทั้ง ปืนเอ็ม 16, ปืนอาก้า, เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 อย่างอุกอาจไปยังรถกระบะสีดำ ซึ่งเจ้าพ่อคนดังกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วยลูกน้องคู่ใจ คือ สกุลยุทธ์ ทองสายธาร หรือฉายา "ตี๋ ดำเนิน" หรือ "มือปืนร้อยศพ"

                จากรายงานข่าว ระบุว่า สภาพรถทั้งคันพรุนไปด้วยรูกระสุน และศพของทั้งคู่ก็ถูกยิงเลือดโชก โดยเฉพาะแคล้ว ธนิกุล ที่นั่งอยู่เบาะหลัง นั้น สื่อรายงานว่าสภาพศพนั้นภายในปากยังอมพระเครื่องอยู่ โดยหวังว่าจะช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย ในขณะที่ลูกน้องคนสนิท นอนตายในสภาพหัวพิงพวงมาลัยถูกกระสุนปืนกะโหลกเปิดมันสมองไหลนอง มือขวากำปืนขนาด 11 มม. กระสุนเต็มแมกกาซีน

                ถามว่าเหตุใดเขาจึงถูกลอบฆ่าอย่างเหี้ยมโหดขนาดนี้ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครหาสาเหตุและผู้ลงมือ ตลอดจนผู้สั่งการได้ แต่หากสรุปอย่างที่มีความเป็นไปได้ที่สุด คือ เส้นทางชีวิตของเจ้าพ่อ หรือ ที่เรียกกันว่า ก๊อดฟาเธออร์ มักไม่แคล้วลงท้ายแบบนี้

                ย้อนไปดูถึงชื่อเสียงเรียงนามของ “แคล้ว ธนิกุล” เรียกได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้จักเขา

                แคล้ว ธนิกุล เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2477 ที่ตำบลดอนมะโนรา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ที่ได้ชื่อว่าแคล้ว เพราะตอนที่เกิดมีคู่แฝดด้วย แต่ว่าคู่แฝดได้เสียชีวิตไปหลังจากคลอดไม่นาน จึงได้ชื่อว่า "แคล้ว" ซึ่งหมายถึง การแคล้วคลาดจากอันตราย

                แคล้ว ธนิกุล ได้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ครั้งแรกด้วยการตามพี่สาวมาอยู่ที่ย่านสวนมะลิ ต่อมาไปดูการซ้อมมวยเลยรู้จักนักมวยรุ่นพี่ ชื่อ หมึก ตรอกทวาย และก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่นั้นมา

                จากนั้น แคล้ว ธนิกุล ก็สร้างชื่อด้วยการเป็นผู้กว้างขวางในย่านสวนมะลิ ในชื่อ "เหลา สวนมะลิ" หรือ "เฮียเหลา" มีผู้กว้างขวางเป็นเพื่อนสนิทสนมกันมากมายและมีลูกน้องอีกจำนวนมากด้วยเช่นกัน ที่สุดก็ยิ่งใหญ่จนได้รับฉายาว่า "เจ้าพ่อนครบาล" หรือ "เจ้าพ่อเบอร์ 1" ในแวดวงมวย

                แคล้ว ธนิกุล เป็นเจ้าของค่ายมวยของตัวเองที่มีชื่อว่า "ส.ธนิกุล" มีนักมวยที่มีชื่อเสียง อาทิ อินทรีน้อย ส.ธนิกุล, สมบัติ ส.ธนิกุล, บุญหลง-บุญหลาย ส.ธนิกุล เป็นต้น และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมมวยสากลสมัครแห่งประเทศไทย

                อย่างไรก็ดี สำหรับคดีสังหารครั้งนี้ มีจุดที่เจ้าหน้าที่ยังคาใจ เพราะจากการตรวจสอบภายในรถของเหยื่อกระสุนปืนบริเวณท้ายรถพบกองเลือดนองพื้น น่าเชื่อว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน แต่หายตัวไปอย่างปมปริศนามีพิรุธ ซึ่งตำรวจเชื่อว่า น่าจะเป็น กุญแจไข ไปสู่คดี

 

5 เม.ย.2534  คืนแห่งกระสุนเดือด  เจ้าพ่อ \"แคล้ว ธนิกุล\"

ภาพจากเฟซบุคพลิกแฟ้มคดีดัง

                ข้อมูลจากเดลินิวส์ วันที่ 12 มิ.ย.2547 ระบุว่า ทีมสีกากีฝีมือดียุคนั้น ลงพื้นที่สอบพยานแวดล้อม-พยานปากในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามแกะรอยหาเบาะแสของทีมนักฆ่า ที่ปฏิบัติการโจมตีเหมือนกับการถูกฝึกฝนมาจากหน่วยรบบางหน่วย ด้วยการติดตามไล่ล่าเป้าหมาย เมื่อถึงพื้นที่ที่ลงมือสังหาร ก็จะจัดการเก็บเหยื่อทันควันหรือภาษาทหาร “คิลลิ่งโซน”

                ทั้งนี้ ก่อน “เฮียเหลา” จะมาพบจุดจบชนิดสะเทือนกรุง เขาได้เดินทางไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นชิงถ้วยพระราชทานคิง สคัพ อาคารกีฬาเวสน์ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง หลังเสร็จสิ้น ก็เดินออกจากสนามขึ้นนั่งรถมุ่ง หน้าไป จ.สมุทรสงคราม

                มีพยานให้การกับทีมคลี่คลายคดี ว่ารถของทีมนักฆ่าที่ไล่ล่าชีวิตปลิดชีพ “เฮียเหลา” เป็นรถปิกอัพสีดำ 2 คัน ไล่ติดตามรถปิกอัพของเหยื่อ จากนั้นเมื่อมีโอกาสก็วิ่งเข้าประกบ โดยมือปืนที่นั่งอยู่ในกระบะหลังเป็นชายวัยฉกรรจ์ มีผ้าคลุมหน้า “สีแดงคล้ายไอ้โม่ง” คว้าปืนสงครามออกสาดกระสุนถล่มใส่เป้าหมายจนหมดลมทั้งคู่

                อย่าง ไรก็ตามมีการสันนิษฐาน หรือวิเคราะห์หลายกระแสต่อสาเหตุการฆาตกรรมครั้งนี้ เช่น ช่วงที่แคล้วถูกล่าสังหาร เป็นช่วงตรงกับที่ สภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) กุมอำนาจรัฐอยู่ โดยมีนโยบายให้กรมตำรวจ “สยบ เจ้าพ่อ” และจัดการกับพวกมาเฟียอิทธิพล และบรรดานายบ่อน กับทั้งยังมีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์และ สถาบันการเงิน จัดทำรายงานสถานภาพทางการเงินของผู้มีอิทธิพลใน ขั้นต้นจำนวน 7 คน ซึ่ง 1 ใน 7 คน มี นายแคล้ว ติดร่างแห อยู่ใน “บัญชีดำ” ด้วย

                ขณะที่ยังร่ำลือกันว่ามีคนบางกลุ่มสั่งให้ปิดบัญชีดำเจ้าพ่อคนดังผู้นี้ เพราะเฮียแคล้ว วางแผนที่จะล้างมือจากวงการนักเลง เพื่อโจนเข้าเล่นการเมือง

                ว่ากันว่ามือสังหารคนหนึ่งโดดขึ้นหลังคา เพื่อยิงกราดลงมาจากด้านบน เพราะข่าวว่าเฮียแคล้วหนังเหนียว เคยโดนลอบสังหารมาแล้วรอด

                เช่นเคยโดนลอบยิง และวางระเบิด ที่สนามมวย 2 ครั้ง คือช่วงปี 2524 และ 2525 ซึ่งครั้งนึงมีคนถูกลูกหลงเสียชีวิต ท่ามกลางบรรดารัฐมนตรี และ นายตำรวจหลายนายอยู่ในเหตุการณ์

                ส่วนที่สันนิษฐานกันว่า ยังมีลูกน้องอีกคนที่ไม่โดนยิง และหนีไปได้เรื่องนี้ยังลึบลับดำมืดอยู่จนทุกวันนี้

////////////////////////

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

เฟซบุคพลิกแฟ้มคดีดัง

และเดลินิวส์