
โบอิ้ง737ระเบิด!! มหาลิเกชุด“ลอบสังหารท่านผู้นำ"
หลายๆท่านคงจำกันได้กับเหตุการณ์เครื่องบิน737-400 เกิดเหตุเพลิงไหม้ระหว่างเครื่องจอดคา Gate62 กันตรงนั้นเลย ก่อนที่จะ Boarding ผู้โดยสารไปเชียงใหม่
ในสมัย “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนั้น เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศและทั่วโลก เมื่อเครื่องบินของสายการบินไทย ที่จอดเทียบท่าอยู่สนามบินดอนเมือง เพื่อรอรับผู้โดยสารบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่เกิดระเบิดคา Gate62
เที่ยวบินนี้มีบุคคลสำคัญหลายคนเดินทางไปด้วย รวมทั้ง“พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และ“นายพานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชาย ซึ่งจะเดินทางไปร่วมพิธีเปิดศูนย์การค้าสุรวงศ์เซ็นเตอร์ ของ“เจ๊แดง"นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์”่น้องสาว"ที่จังหวัดเชียงใหม่
วันนี้ในอดีต เมื่อ17 ปี 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 35 นาทีก่อนกำหนดการบิน และก่อนที่ผู้โดยสารขึ้นเครื่องไม่กี่นาที เครื่องบินลำดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้น กลางสนามบินดอนเมือง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนจำนวนมาก โชคดีของผู้โดยสารที่ยังไม่มีใครขึ้นบนเครื่องบิน จึงไม่มีผู้โดยสารสังเวยชีวิตในครั้งนั้น มีเพียงเจ้าหน้าที่จำนวน 8 คนอยู่บนเครื่องและในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน
หลังเหตุการณ์ไม่นาน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า รายงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างชัดเจนว่า สาเหตุของเครื่องบินระเบิด น่าจะมาจากวัตถุระเบิดที่มีผู้นำมาติดไว้ที่ใต้ท้องเครื่องบิน บริเวณที่นั่งวีไอพี การระเบิดนี้เป็นการก่อวินาศกรรมเพื่อหวังลอบสังหารตนเอง โดยฝีมือของผู้เสียผลประโยชน์ชาวต่างชาติ (ว้าแดง) เนื่องจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล
“เป็นการปองร้าย ไม่ใช่การก่อการร้าย ไม่ทราบว่าปองร้ายใคร ส่วนคนที่ทำนั้นสิ้นคิด ไม่ต้องทำกับนายกรัฐมนตรี ทำกับใคร ประเทศชาติก็เสียหาย” พ.ต.ท.ทักษิณระบุ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคนั้นร้อนเป็นไฟ ถึงขั้นต้องแต่งตั้ง "พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์" รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้นเป็น"หัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน"เครื่องบินโบอิ้ง737ระเบิด ท่ามกลางกระแสข่าวการก่อวินาศกรรม ของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติหรือขบวนการค้ายาเสพติด
รวดเร็วทันใจ เพียง 1-2 วัน คณะกรรมการชุด พล.ต.อ.สันต์ ได้สรุปผลการสอบสวนแบบ “ฟันธง” เมื่อ 5 มีนาคม 2544 ว่า เป็นการ “วางระเบิด” แน่นอน โดยคาดว่าเป็น “ซีโฟร์” เนื่องจากตรวจพบสารอาร์ดีเอ็กซ์ ที่เป็นส่วนประกอบของซีโฟร์กระจายอยู่ พร้อมแจกแจงการจุดระเบิดว่าน่าจะเป็นการใช้นาฬิกาประกอบกันเป็นระเบิดแบบแสวงเครื่องในการจุดชนวนแต่ไม่พบซากอุปกรณ์ดังกล่าวในที่เกิดเหตุ
เหตุการณ์ครั้งนั้นบางฝ่ายมองว่าเป็นการสร้างข่าวเพื่อกลบกระแส “บกพร่องโดยสุจริต” ในคดี “ซุกหุ้น” ไว้กับคนรับใช้ คนสวน และคนขับรถในภาคแรกของ“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”
อีกทั้งกลายเป็นที่กังขาของหลายฝ่ายว่าในขณะนั้นว่า ระเบิดเครื่องบินไทยครั้งนั้น เกิดจากเหตุอะไรกันแน่ ลอบวางระเบิดนายกฯ..? วินาศกรรม..? ความประมาท..? อุบัติเหตุ..? ใครสั่งฆ่านายกฯ..?
แต่สุดท้ายโอละพ่อ เมื่อต่อมาในวันที่ 11 เมษายน 2544 คณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา (National Transportation Safety Board - NTSB) ที่ส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย แถลงว่า ได้นำชิ้นส่วนไปทดสอบที่ห้องทดลองของเอฟบีไอ ไม่พบร่องรอยของวัตถุระเบิดแต่อย่างใด
และแถลงว่ากรณีนี้คล้ายคลึงกับการระเบิดของเครื่องโบอิง 737 ของสายการบินฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2543 ซึ่งเกิดจากความบกพร่องของถังน้ำมันเชื้อเพลิง
สอดคล้องกับผลศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากรณีเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737 ของบริษัทการบินไทยระเบิด เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2544 เมื่อ "นายอภิชาต การิกาญจน์" สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกกมธ.แถลงว่าจากการสอบหาข้อเท็จจริงเป็นเวลา 30 วัน สรุปได้ว่าไม่ใช่เกิดจากการก่อวินาศกรรม แต่เกิดจากถังน้ำมันระเบิด เนื่องจากบนเครื่องบินเปิดแอร์ทิ้งไว้นาน จนทำให้เกิดความร้อนและส่งผลให้เกิดการระเบิดขึ้น จากการตรวจสอบซากเครื่องบินไม่พบสายชนวนระเบิด และจากกล่องบันทึกเสียงพบว่าเป็นการระเบิดเพียงครั้งเดียว
ผลพวงจากเครื่องบินโบอิ้ง737ระเบิด จนกลายเป็นมหาลิเกชุด“ลอบสังหารท่านผู้นำ”ท่าอากาศยานในประเทศไทย ได้กำหนดมาตรการตรวจสอบผู้โดยสารรัดกุมขึ้น มีการตรวจสอบบัตรประจำผู้โดยสารทุกคนก่อนขึ้นเครื่อง มีการเอ็กซเรย์กระเป๋า อีกทั้งสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ไทยคู่ฟ้า” ที่ปัจจุบันยังใช้ในภารกิจสำคัญของราชการ
จวบจนทุกวันนี้ ยังไม่มีรัฐบาลยุคไหนจัดซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกเลย...
ขอบคุณข้อมูล oknation-วีกีพีเดีย
--------//---------