วันนี้ในอดีต

  23 ม.ค.2553 "..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

23 ม.ค.2553 "..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

23 ม.ค. 2561

ย้อนรำลึกถึง “ตัวตน” ของคนชื่อ “ขัตติยะ สวัสดิผล” ที่ภาพของเขาในช่วงสุดท้าย ทำให้หลายคนหลั่งน้ำตาในการจากไปไม่ได้

          ในร่องรอยของเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทย ช่วงปี 2553 มีบุคคลผู้หนึ่งที่ต้องเรียกว่า เป็นทั้ง “วีรบุรุษ” ของคนฝ่ายหนึ่ง และเป็น “บุคคลที่ถูกหมายหัว” สำหรับฝ่ายตรงข้าม

          นั่นคือ “พล..ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ เสธ.แดง ที่เรารู้จักกันดี

 

23 ม.ค.2553 \"..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

          แม้ว่าเวลานี้เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องราวที่เป็นตำนาน ให้กล่าวถึงได้เสมอ

          เช่น เรื่องราวของวันนี้ เมื่อ 8 ปีก่อน ที่เขาได้โฟนอินเข้ามาในรายการ “ลับ ลวง พราง” ของ วาสนา นาน่วมเระบุว่า ตนเองนั้น อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมาอบรม นปช. เมื่อมีการตรวจค้นบ้านของเขา และตำรวจเตรียมการเสนอหมายจับต่อศาล เขาจึงอยู่ตั้งหลัก ไม่ได้หนีไปไหน

          โดยได้กล่าววรรคทอง ตามสไตล์ของนักรบผู้ดุดัน ที่คนไทยคุ้นเคย ว่า

          "..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย” พร้อมอธิบายว่า

          ไม่ได้หนีข้ามไปมาเลย์ อยู่ดูเชิง เพราะเรากำลังรบกับกองทัพประจำการ ผมแต่งตั้งตัวผมเองเป็นแกนนำ นปช. เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และเสื้อแดงก็ยอมรับแล้ว ตอนนี้ก็ประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่า ตัวเองเป็นนักรบเสื้อแดง ช่วงเย็นวันนี้ จะขึ้นเวทีปราศรัยที่เขาสอยดาวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย"

          โดยปฏิเสธว่า การยิงระเบิด M 79 เข้าไปที่กองบัญชาการกองทัพบก เขาไม่ได้เป็นคนลงมือทำ ผบ.ทบ. (พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ขระนั้น) มีคนจองกฐินมาก หากมีการอนุมัติหมายจับ ก็จะส่งทนายไปยื่นคำร้องศาลขอให้ไต่สวนฉุกเฉินยกเลิกหมายจับ เนื่องจากตามกฏหมายระบุว่า การขออนุมัติหมายจับจะกระทำได้ต่อเมื่อกระทำความผิดซึ่งหน้าในที่สาธารณะ

          แน่นอนเวลานั้นพาดหัวข่าวพร้อมกันว่า “เสธ.แดง ประกาศความเป็นคนกล้าแล้ว แต่นาทีหนีขอถอยตั้งหลักก่อน”

          แต่หากย้อนไปดูลีลาของเธอแดง จะไม่แปลกใจเลย จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เพราะความมุทะลุ ผ่ากลางปล้องของเขาหรือไม่ที่ทำให้ต้องมาจบชีวิต

 

23 ม.ค.2553 \"..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

 

          เคยมีการรวบรวมลีลาการพูดของเสธ.แดงเอาไว้อย่างน่าสนใจ จากทีมฝ่ายความมั่นคง นสพ.คมชัดลึกฉบับวันที่ 23 ..2553 หรือวันเดียวกับที่เสธแดงโฟนอินในรายการข้างต้น โดยรายงานจาก นสพ.ระบุว่า

          แม้ พล..ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก จะยังไม่โผล่เข้ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากตำรวจบุกเข้าค้นบ้านพัก และพบอาวุธสงครามจำนวนมากราวกับคลังแสงย่อยๆ

          รวมทั้งระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่ยิงถล่มห้องทำงานของ พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ด้วย !

          สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตัวแทน ผบ.ทบ.เข้าแจ้งความต่อตำรวจ ก่อนจะขอหมายศาลเข้าค้นบ้านของ เสธ.แดง น่าจะมาจากบทสัมภาษณ์ของ เสธ.แดง หลายครั้ง ที่เป็นไปในทำนองข่มขู่ และดูหมิ่น พล..อนุพงษ์ หลังถูก บิ็กป๊อก สั่งพักราชการ วันที่ 5 มกราคม 2553

          สำหรับบทสัมภาษณ์ในลักษณะข่มขู่ครั้งแรกๆ ของ เสธ.แดง เช่นวันที่ 2 ธันวาคม 2552 หลังกองทัพตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยและอาญาทหารกรณีนำทหารพรานร่วมชุมนุมเสื้อแดง และไปต่างประเทศโดยไม่ลาราชการ ซึ่งเจ้าตัวตอกกลับ ผบ.ทบ.อย่างเผ็ดร้อนว่า

          ผมพยายามบอกทหารว่าอย่าออกมา แต่กลับมีคนมาด่าว่าผม และหาเรื่องปลด ถอดยศ ทั้งที่ไม่มีความผิดด้านวินัย ตกลงกองทัพบกอยู่ใต้คำสั่งของ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หรือของใคร”

          แค่เขาบอกให้สั่งสอบก็จะทำการสอบผมทันที หากปลดผมก็เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะไม่มีความผิดอะไร จะมาถอดยศผมได้อย่างไร คนที่ถอดยศผมได้มีเพียงพระองค์เดียว ผมมาปกป้องกองทัพ หากปลดผม ระวังออกจากกองทัพไม่ได้”

          ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2552 เสธ.แดงก็พูดในทำนองข่มขู่ พล..อนุพงษ์ อีกครั้ง หลังจากถูกกองทัพปรามในกรณีที่นำอดีตทหารพรานมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง

          "ถ้าแกล้งกันส่วนตัวแบบนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว ตอนนี้ พล..อนุพงษ์ ลืมเพื่อนแล้ว ลืมผู้ใต้บังคับบัญชา ถ้าทำอย่างนั้นไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาผม ผมทำอะไรให้ การมาใช้อำนาจมิชอบแบบนี้ ก็ขอให้อยู่แต่ในกองทัพบก อย่าออกมาแล้วกัน"

 

23 ม.ค.2553 \"..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

          จากนั้น วันที่ 12 ธันวาคม 2552 เสธ.แดงก็ออกมาสัมภาษณ์อีกครั้ง หลังทราบข่าวว่า ผลสอบของ ทบ.ที่ส่งให้กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้พักราชการ เสธ.แดง ไม่มีกำหนด

          "ผมยังไม่เห็นว่า ทางกองทัพบกส่งผลสรุปให้พักราชการผม ถ้าผมเห็น ผมบอกแล้วว่า ผมไม่รับรองว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่กองทัพบก"

          ถัดมาอีกวันเดียว คือ วันที่ 13 ธันวาคม 2552 เสธ.แดงก็ยังอารมณ์ค้างไม่เลิก เมื่อถูกนักข่าวถามว่า หากผลสรุปถูกสั่งโทษให้พักราชการจะทำอย่างไร เสธ.แดง ก็ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า

          "ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเป็นข้าราชการทหาร ต้องเคารพระเบียบวินัย แต่..ไม่ต้องได้ออกมาจากกองทัพบก เพราะเป็นการปกครองลูกน้องแบบนักเลง ไม่ใช่แบบผู้บังคับบัญชา"

          และอีกหลายครั้งที่ เสธ.แดง มักกล่าวพาดพิงถึง พล..อนุพงษ์ กระทั่งเกิดเหตุระทึกขึ้นที่ บก.ทบ.จริงๆ ตามคำขู่ จึงนำมาสู่การค้นบ้าน เสธ.แดง ในฐานะ "ผู้ต้องสงสัยอันดับ 1" และยิ่งพบระเบิดเอ็ม 79 ชนิดเดียวกับที่ใช้ถล่ม บก.ทบ.ด้วย ก็ยิ่งทำให้เขาถูกสงสัยหนักขึ้นไปอีก

          อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเธอแดงเสียชีวิตจากการถูกลอบยิง ซึ่งเรื่องที่จะกล่าวต่อจากบรรทัดนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับข้อมูลข้างต้นแต่อย่างใด

          หากแต่เป็นการย้อนรำลึกถึง “ตัวตน” ของคนชื่อ “ขัตติยะ สวัสดิผล” ที่ภาพของเขาในช่วงสุดท้าย ทำให้หลายคนหลั่งน้ำตาในการจากไปไม่ได้

          เพราะก่อนเสียชีวิต เสธ.แดงได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์พิเศษ กับ นสพ.โพสต์ทูเดย์ ก่อนเสียงปืนดังขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ระบุว่า

          ชีวิตพี่แดงเป็นนักรบมาทั้งชีวิต ความหมายของนักรบคือการที่เป็นคนตายไปแล้ว ไม่กลัวอะไร ชีวิตเกิดมาไม่ว่าจะรวยที่สุดหรือจะเป็นยังไง สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี ...โถ...โป้งเดียวก็ตาย ก็มีอยู่แค่นี้ อยู่ที่ว่าเราจะตายอย่างไร ตายอย่างมีเกียรติแค่ไหน”

 

23 ม.ค.2553 \"..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

          จึงน่าสะท้อนใจ นายพลผู้เคยผ่านสมรภูมิรบชายแดน หรือ “เสธ.แดง” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งต้องมาพบจุดจบแบบนี้ มันคุ้มกันหรือไม่

          ย้อนไปดูอย่างที่รู้กันว่า ในทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 เสธ.แดง ได้แสดงบทบาทวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน พ...ทักษิณ ชินวัตร ในปัญหาการฆ่าตัดตอนในสงครามกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และการปล้นปืนขึ้น ซึ่งเสธ.แดงเห็นว่าไม่ถูกต้อง รวมทั้งในประเด็นที่ เสธ. แดงได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า พ...ทักษิณ ชินวัตร ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

          แต่ต่อมาเมื่อ การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อ พ.. 2551 เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ผ่านไปไม่นาน เสธ.แดงก็ได้เปลี่ยนท่าทีใหม่โดยสิ้นเชิง ได้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มพันธมิตรฯ ที่นำประเด็นเขาพระวิหารมาเป็นประเด็นทางการเมือง ทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ

          จนกระทั่งเสธ.แดงเริ่มออกมาตั้งข้อสังเกตการทำงานของ พล..อนุพงษ์ มากขึ้นหลายครา ตามที่กล่าวไปข้างต้น เช่น ในเหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เสธ.แดงได้วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ พล..อนุพงษ์ ในฐานะ ศอฉ. อีกครั้งว่าปล่อยให้พันธมิตรยึดสนามบินไม่ยอมนำกำลังออกมาช่วยรัฐบาลตามที่มีคำสั่งจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

          และอีกหลายครั้ง จนกระทั่ง เสธ.แดงประกาศตัวว่า จะช่วยทำหน้าที่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้ กลุ่ม นปช. !!

          แน่นอนเวลานั่น หลายคนต่างเซอร์ไพรส์ แต่อีกมากมายก็ทึ่งในความกล้าบ้าบิ่นของนักรบผู้นี้

          ท่ามกลางบรรยากาศที่นายทหารระดับสูงในหลายส่วนของกองทัพบก พากันวิจารณ์การกระทำของเสธแดง ว่าไม่เคารพผู้บังคับบัญชา คือ พล..อนุพงษ์

          จนเมื่อความขัดแข้งทางการเมืองรุนแรงขึ้น จากการประท้วงของ นปช. ในช่วงปี 2553 ขณะที่ประชาชนคนเสื้อแดงอยู่ในสมรภูมิที่ต้องปะทะกับ ศอฉ. ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

          วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ขัตติยะ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศบริเวณแยกศาลาแดง หลังจากนั้นได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว และโรงพยาบาลวชิรพยาบาลตามลำดับ

          แรกเริ่มอาการของเขาอยู่ในสภาพทรงตัวมาตลอด ท่ามกลางการลุ้นของคนไทยรายวัน แต่แล้วผ่านมาเพียง 4 วัน เขาก็เสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553

          ส่วนคำถามว่า คุ้มหรือไม่กับบทบาทของเขาที่ต้องแลกด้วยชีวิต! ไม่มีใครตอบได้ นอกจากตัวของเสธ.แดงเอง แต่เชื่อว่า ไม่มีใครลืมเสธ.แดง นักรบลายพราง

          ที่ในประเทศนี้จะมีสักกี่คนที่กล้าพูดในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าพูด และกล้าทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าแม้แต่จะคิด!

          อนึ่ง มากกว่าคำถามว่า ใครฆ่าเสธ.แดง ยังมีเรื่องราวน่าแปลกใจสำหรับหลายคนตามมาอีก 

 

23 ม.ค.2553 \"..นักรบไม่เรียกว่าหนี เรียกว่าร่นถอย”

 

         เมื่อ "เดียร์" น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย บุตรสาวของเสธ.แดง ได้โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่าได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่รัฐ สอบถามถึงการจัดกิจกรรมรำลึก 7 ปี ที่คุณพ่อจากไปบริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน ลุมพินี 

          แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า "มีคำสั่งไม่อนุญาตให้เดียร์และพี่สาววางดอกไม้และจุดเทียน หรือทำอะไรได้" โดยไม่ให้เหตุผลประกอบใดๆ ทั้งสิ้น 

            "คุณพ่อของเดียร์จากไปด้วยความตาย มาวันนี้เป็นวันครบรอบ 7 ปี ขอให้เราได้วางดอกไม้และจุดเทียน เพื่อแสดงความรัก ความคิดถึง และความกตัญญู ให้แก่คุณพ่อได้ไหมคะ? เห็นใจเราเถอะค่ะ...
            แน่นอนที่คำถามนี้ ภาครัฐ จะอธิบายได้ว่ากิจกรรมนี้เข้าข่ายการเมือง ก็ยังพอเข้าใจได้

           แต่คำถามที่ไร้คำตอบมาจนทุกวันนี้คือ ทำไมต้องฆ่า! ยังคงก้องอยู่ในหัวของคนไทย

//////////////

-ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์