
แค้นข้ามรุ่น "เนวิน" แพ้ทางนารี "ชินวัตร" โฟกัสนายใหญ่ สลายซุ้มน้ำเงิน
จบแล้วครับนายภาค 2 "เนวิน" แพ้ทาง 2 นารีตระกูล "ชินวัตร" โฟกัสแผนนายใหญ่ สลายซุ้มปักษ์ใต้สีน้ำเงิน
รับสภาพ เนวิน ครูใหญ่สีน้ำเงิน แพ้ทาง 2 นารีตระกูลชินวัตร เป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์-แพทองธาร
ไม่ยอมคืนเก้าอี้ มท. ครูใหญ่-นายใหญ่แตกหัก แยกทางกันเดิน เหมือนฉายหนังเก่า เรื่องมันจบแล้วครับนาย ภาค 2
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ที่อึมครึมมาตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณทวงคืนเก้าอี้ “มท.1” จากค่ายสีน้ำเงิน เมื่อปลายเดือน พ.ค. 2568 ก็มีความชัดเจนช่วงต้นสัปดาห์นี้
วันที่ 18 มิ.ย. 2568 อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดชัดว่า พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่ยอมคืนเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทย
ทั้งครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ต่างอ้างว่าพรรคภูมิใจไทย มีศักดิ์ศรี และไม่ยอมให้ใครมาย่ำยี
ดังนั้น แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงเดินหน้าปรับ ครม. โดยไม่มีพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ของครูใหญ่เนวิน ที่ต้องรับสภาพเป็น “พรรคฝ่ายค้าน” โดยครั้งแรก ค่ายสีน้ำเงิน เป็นฝ่ายค้าน สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ผลการเลือกตั้งปี 2554 พรรคภูมิใจไทย ได้ สส.เขต 29 คน และ สส.บัญชีรายชื่อ 5 คน รวม 34 คน จึงกลายเป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย มี สส.รวม 69 คน และจำใจเป็นฝ่ายค้าน
ต้องบันทึกไว้ว่า ฝ่ายค้านครั้งแรก ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค ภท. และฝ่ายค้านครั้งที่สอง อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค
แค้นเก่ากับนายใหญ่
อย่างที่รู้กัน หากไม่ใช่รัฐบาลข้ามขั้ว หรือรัฐบาลดีลลับ พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย คงไม่ได้ลงรัฐนาวาลำเดียวกัน
การเลือกตั้งปี 2550 เนวิน ชิดชอบ เป็นหนึ่งในแม่ทัพพรรคพลังประชาชน ที่กวาด สส.มาได้เกือบครึ่งสภาฯ หนุนสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาถึงสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ
ปลายปี 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้ยุบ 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เนวินจึงนำ ส.ส. 23 คน ในนามกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมกับกลุ่มสมศักดิ์ เทพสุทิน 8 คน เข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์
จังหวะนั้น สมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ให้คนไปจดจัดตั้งพรรคภูมิใจไทย เอาไว้จึงนำพรรคนี้มารองรับ สส.กลุ่มเนวิน และกลุ่มสมศักดิ์
วันที่ 12 มี.ค. 2552 มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค และ พรทิวา นาคาศัย เป็นเลขาธิการพรรค
ปี 2554 เนวิน จึงนำพาพลพรรคสีน้ำเงิน ลงสนามเลือกตั้ง สส.เป็นครั้งแรก และระหว่างหาเสียง ยิ่งลักษณ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ประกาศชัดว่า จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย
หลังเลือกตั้ง เนวิน และพลพรรค จึงจำใจต้องรับสภาพเป็นฝ่ายค้าน ยาวไปจนถึงเกิดรัฐประหาร 2557
ซุ้มปักษ์ใต้จะไปทางไหน
ตัดกลับมาพรรคภูมิใจไทย ในวันที่เป็นฝ่ายค้านรอบที่ 2 สถานการณ์แตกต่างจากปี 2554 เพราะเวลานั้น เนวิน ตกเป็นจำเลยของคนเสื้อแดง จึงพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งภาคอีสาน และภาคเหนือ
การเลือกตั้งปี 2566 กระแสแอนตี้ทักษิณเริ่มเจือจาง และค่ายสีน้ำเงินเป็นศูนย์รวม “บ้านใหญ่” จึงได้ สส.ทั้งสองระบบ 70 คน (ปัจจุบันเหลือ 69 คน)
ด้วยเหตุนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย จึงมีความเชื่อว่า พวกเขาจะสามารถแยกสลาย “บ้านใหญ่” บางซุ้มได้ และดึงเสียง สส.มาอยู่ฝั่งรัฐบาล
เฉพาะ “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน แม่ทัพปักษ์ใต้ ค่ายสีน้ำเงิน ตกเป็นเป้าหมายที่ “นายใหญ่” จ้องจะดึงมาเป็นเสียงค้ำยันรัฐบาลแพทองธาร
มีรายงานว่า “โกเกี๊ยะ” อาจยังไม่ขยับ แต่ สฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ได้เริ่มติดต่อพูดคุยกับ “บิ๊กการเมือง” ที่มีข่าวกำลังก่อการตั้งพรรคใหม่แล้ว
“นายใหญ่” คงอ่านใจนักเลือกตั้งซุ้มบ้านใหญ่ว่า ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน จึงตั้งเป้าดึง สส.สีน้ำเงิน เป็นรายซุ้มในอนาคตอันใกล้นี้