
อ่อนไหว “ฮุนมาเนต” ปรับกำลัง “ช่องบก” ไฟต์บังคับชาตินิยม ถอยไม่ได้
การเมืองชาตินิยมไปต่อ “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” ประสานเสียงไม่ถอยจาก“ช่องบก” ปลุกปลอบขวัญคนกัมพูชา
สถานการณ์อ่อนไหว ฮุนมาเนต หนุนกลาโหมกัมพูชา ปรับกำลังเลี่ยงการสู้รบ ไม่ถอยจากช่องบก ปลุกไปศาลโลกสถานเดียว
การเมืองชาตินิยมไปต่อ ฮุนเซน ประสานเสียงไม่ถอนกำลัง ปลอบขวัญคนกัมพูชา อย่าหวั่นไหวเรื่องปิดด่าน
เช้าวันที่ 8 มิ.ย.2568 ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำคณะผู้แทนระดับสูงเดินทางออกจากกรุงพนมเปญ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทรครั้งที่ 3 (UNOC3) ที่จัดขึ้นในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9-11 มิ.ย.นี้ ตามคำเชิญของเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ
บ่ายวันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า พล.ท.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการ กองพลสนับสนุนที่ 3 ได้ประสานไปยัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อขอหารือเรื่องการปรับกำลังในพื้นที่จุดปะทะที่ช่องบก โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานมายังผู้บัญชาการทหารบก จึงส่งผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) เข้าไปพูดคุยกับทางกัมพูชา
กระแสข่าวสะพัดไปทุกสำนักข่าวว่า ทหารกัมพูชาได้ยินยอมถอนกำลังจากจุดปะทะกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม และดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม
ขณะที่ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊คว่า “วันนี้ เราพบจุดกึ่งกลางที่กองกำลังของเราทั้งสองตกลงที่จะย้ายทหารจากพื้นที่ ที่อาจเกิดความขัดแย้ง เพื่อลดความตึงเครียด การเผชิญหน้า และฟื้นฟูเสถียรภาพตามแนวชายแดน”
ด้านกองทัพบกไทยก็ใช้คำว่า ปรับการวางกำลังทหารกลับสู่พื้นที่เดิมของสองฝ่ายในปี 2567 โดยหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ถอนตัว” หรือ “ถอย”
สำหรับโซเชียลในฝั่งไทย ต่างโหมกระพือข่าว “กัมพูชาถอย กลบคูเลต” และแสดงความเห็นทำนองว่า ผลพวงจากไทยปิดด่าน กัมพูชาจึงยอมถอย
กระแสข่าวทหารกัมพูชาถอย สร้างความไม่พอใจให้คนเขมรจำนวนไม่น้อย และมีวิวาทะกับคนไทยบางกลุ่มในโซเชียล เช่นการถ่ายคลิปโยนสินค้าไทยทิ้ง ตอบโต้ไทยกรณีปิดด่าน
ด้วยเหตุนี้ วันที่ 9 มิ.ย.นี้ กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่ากองทัพกัมพูชาไม่มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา ยึดครองมาเป็นเวลานาน
กลาโหมกัมพูชาพยายามสื่อสารกับคนในชาติว่า มันคือการปรับเปลี่ยนกำลัง ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา ไม่ใช่การถอยหรือถอนกำลัง
อย่างไรก็ตาม กองทัพกัมพูชาพร้อมจะสนับสนุนการเจรจาผ่านกลไก JBC นอกเหนือจาก 4 จุดที่กัมพูชาจะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ด้าน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ส่งข้อความตรงจากเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส สนับสนุนถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา
“รัฐบาลยังคงให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการส่งเสริมการปักปันเขตแดนและกำหนดแนวเขตแดนระหว่างสองประเทศที่เหลือ โดยใช้กลไก JBC และยืนหยัดตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ (โดยเฉพาะ MOU ปี 2543)..” ฮุน มาเนต แสดงความชัดเจนในแนวทางการเมือง
นับแต่เกิดเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2568 มีการปลุกกระแสชาตินิยมทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งกัมพูชา ทั้งฝ่ายรัฐบาล และอดีตฝ่ายค้านที่อยู่นอกประเทศ ต่างจุดไฟชาตินิยม
ดังนั้น สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา จึงโพสต์ข้อความลดโทนกระแสชาตินิยม ผ่านเฟชบุ๊คว่า “การปรับกำลังทหาร เหมือนการนอนบนเตียง ศีรษะจนถึงปลายเท้าของเรายังอยู่บนที่นอน แค่ตอนนี้เรายกหัวศีรษะขึ้นเพื่อปรับท่านอนเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับดินแดนของเรา ซึ่งยังคงเป็นดินแดนของเรา”
สมเด็จฮุนเซนคงรู้ดีว่า คนกัมพูชาเองรับไม่ได้กับคำว่า “ถอนกำลัง” ออกจากพื้นที่ จึงย้ำว่า การนำกำลังทหารกัมพูชาออกจากจุดเผชิญหน้าไม่ใช่การถอนกำลัง แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเท่านั้น
สรุปว่า คำว่า “ถอน” หรือ “ถอย” เป็นเรื่องอ่อนไหวเปราะบาง สำหรับการเมืองชาตินิยม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับฝั่งไทยหรือกัมพูชา