คอลัมนิสต์

ย้อนอดีต “ฮุนเซน” ปมแค้นพ่ายยุทธการ “ช่องบก” ฝังใจไทยอุ้มเขมรแดง

ย้อนอดีต “ฮุนเซน” ปมแค้นพ่ายยุทธการ “ช่องบก” ฝังใจไทยอุ้มเขมรแดง

04 มิ.ย. 2568

ศึกษาประวัติศาสตร์! “ฮุนเซน” อ้างสิทธิ์ “ช่องบก” แผ่นดินกัมพูชา เหตุไทยเคยเอื้อเขมรแดงรบเวียดนาม - เฮงสำริน

ย้อนปมแค้น สมเด็จฮุน เซน ปักใจเชื่อช่องบก แผ่นดินกัมพูชา เหตุไทยเคยเอื้อเขมรแดง ยึดเนิน 500 สามเหลี่ยมมรกต

 

รัฐบาลแพทองธาร เพิ่งขยับปรับท่าทีต่อกัมพูชา นัดเจรจา 14 มิ.ย.68 ถกปมพิพาทช่องบก ผ่านกลไก JBC ไม่ไปศาลโลก 

 

กรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก-สามเหลี่ยมมรกต นับแต่มีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ทางฝั่งกัมพูชารัฐบาลฮุน มาเนต เดินเกมเร็วและแรง ถึงขั้นจะนำปมพิพาทสู่ศาลโลก

 

ที่สำคัญ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ได้ใช้สื่อโซเชียลแสดงภาพถ่ายเมื่อครั้งเดินทางมาเหยียบศาลาตรีมุข บริเวณรอยต่อ 3 ประเทศ(ไทย กัมพูชาและลาว) ประกาศว่า ช่องบกและศาลาตรีมุข เป็นแผ่นดินกัมพูชา

ขณะที่ฝั่งไทย รัฐบาลแพทองธาร ได้ออกแถลงการณ์ “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 โดยไทยจะยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี 

 

รัฐบาลไทยจะใช้กลไกแก้ไขข้อพิพาทที่เรียกว่า JBC (การประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม) ซึ่งเป็นกลไกทางเทคนิคจัดตั้งขึ้นโดย MOU 2543 เพื่อหารือเรื่องการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทวิภาคี

 

 

หลักฐานทหารไทย ก่อสร้างศาลาตรีมุข เมื่อปี 2532 สมัยรัฐบาลชาติชาย

ขณะนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับตามคำขอของฝ่ายไทยที่จะจัดประชุม JBC ขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.2568 ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา

 

ปมที่ค้างคาใจคนไทย กรณีสมเด็จฮุน เซน ใช้รูปถ่ายที่เคยมาเยือนศาลาตรีมุข เมื่อปี 2553 เป็นหลักฐานอ้างสิทธิ์ว่า ตรงจุดนี้เป็นเขตอธิปไตยของกัมพูชา 

 

ทั้งที่ศาลาตรีมุข เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพของ 3 ชาติคือ ไทย กัมพูชาและลาว ที่มีการก่อสร้างหลังยุทธการช่องบก (ปี 2528-2530)

คู่แค้นเขมรแดงในอดีต

สำหรับสมเด็จฮุน เซน หรือสหายฮุน เซน อดีตนักรบเขมรแดง ที่แยกตัวไปก่อตั้งองค์กรปฏิวัติใหม่ โดยการสนับสนุนของเวียดนาม ยังฝังใจในปมแค้นสู้รบกับ “เขมรแดง” มาตั้งแต่ปี 2522 

 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า “เทือกเขาพนมดงรัก” กั้นชายแดนไทย-กัมพูชา นับแต่ปี 2509-2520 เป็นที่มั่นของ “ทหารป่า” พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) อีสานใต้ 

 

โดยเฉพาะ อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย และ อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เป็นที่มั่นจรยุทธ์ของ “ทหารป่า” หรือเขต 11 อุบลฯใต้

 

ช่วงปี 2517-2521 พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา หรือ “เขมรแดง” ปกครองกัมพูชา จึงได้อำนวยความสะดวกให้ พคท.อีสานใต้ ใช้ดินแดนกัมพูชา เป็นฐานที่มั่นใหญ่

 

ต้นปี 2522 กองทัพเวียดนามเข้ายึดกรุงพนมเปญ ศูนย์การนำ พคท.อีสานใต้ จึงสั่งสหายไทยอพยพออกจากกัมพูชา และถอยทัพจากอุบลฯ ลงมาอยู่แถวนครราชสีมา และสระแก้ว

 

 

เบื้องหลังยุทธการช่องบก

คนไทยจำนวนไม่น้อยอาจไม่ทราบว่า พื้นที่ช่องบก และเนิน 500 เคยเป็นที่มั่นของเขมรแดง โดยการสนับสนุนแบบลับๆของรัฐบาลไทย

 

ต้นปี 2522 กองทัพเวียดนาม และแนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชา ประมาณ 2 แสนคน บุกยึดกัมพูชา โค่นระบอบเขมรแดง สถาปนารัฐบาลใหม่ ที่มีผู้นำ 3 คนคือ เฮง สำริน เจีย ซิม และฮุน เซน

 

เมื่อเวียดนามยึดครองกัมพูชา รัฐบาลไทยร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ใช้ไทยเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธสนับสนุนเขมรแดง ทำการสู้รบกับทหารเวียดนาม และทหารเฮง สำริน

 

เมื่อทหารเขมรแดง ได้ใช้ช่องบก เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังทหารจากเขตไทยลงไปสู้รบในเขตกัมพูชา ทหารเวียดนาม จึงรุกเข้ามายึดช่องบก และเนินสูงรอยต่อ 3 ประเทศ เพื่อปราบปรามเขมรแดง


 
ปี 2528-2530 กองทัพภาคที่ 2 จึงส่งทหารเข้าไปขับไล่ทหารเวียดนาม-ทหารเฮงสำริน ออกจากพื้นที่ช่องบก และยึดพื้นที่ดังกล่าวกลับคืนมาได้

 

ปี 2532 พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ก่อสร้าง “ศาลารวมใจไทย กัมพูชา ลาว” ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลาตรีมุข” และเรียกขานเนิน 500 ว่า “สามเหลี่ยมมรกต”

 

มาถึง พ.ศ.นี้ ทหารกัมพูชา รุกเงียบสร้างถนนจาก อ.จอมกระสาน ขึ้นสู่ช่องบก และมีการลอบเผาศาลาตรีมุข ก่อนที่สมเด็จฮุน เซน จะงัดภาพถ่ายปี 2553 มาอ้างสิทธิ์ว่า เป็นเขตอธิปไตยของกัมพูชา