
ฝ่านิติสงคราม "ทักษิณ" สู้ปมป่วยทิพย์ "ชั้น 14" ทางรอด ยื้อมติแพทยสภา
สู้ปมป่วยทิพย์ "ทักษิณ" ฝ่านิติสงคราม "ชั้น 14" มติแพทยสภา ยังไม่ถึงที่สุด ฝ่ายต้านข้ามช็อต เปลี่ยนผู้นำรัฐบาล
คนหน้าเดิมเช็คบิล ทักษิณ ไล่ขยี้ปมชั้น 14 เชื่อในตุลาการภิวัฒน์ มองข้ามช็อตถึงเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาล
เครือข่ายทักษิณ เปิดช่องทางสู้ปมป่วยทิพย์ มติแพทยสภายังไม่ถึงที่สุด เชื่อวันศาลนัดไต่สวน 13 มิ.ย. 68 นายใหญ่มีช่องทางสู้แน่
ปมร้อนชั้น 14 กลายเป็นสงครามการเมือง ระหว่างคนหน้าเดิมกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งกลับเมืองไทยเมื่อปี 2566
เมื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวไม่ถึง 4 นาที ผ่านเฟซบุ๊ก ในคลิปนั้น ได้มีการเปิดห้องพักชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตรงห้องพักที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยใช้รักษาตัวนานถึง 180 วันนับแต่คืนแรกที่เดินทางกลับประเทศไทย
อันสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับไต่สวนเอง กรณีอดีตนายกฯ ทักษิณ พักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยมีข้อสงสัยว่า ทักษิณป่วยจริงหรือไม่ การบังคับโทษตามคำพิพากษา ได้เกิดขึ้นจริงหรือยัง
ต่อมา บอร์ดแพทยสภา มีมติเสียงส่วนใหญ่ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 ลงโทษนายแพทย์ 3 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำตัวและรักษาตัวของทักษิณ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ขั้นตอนจากนี้ บอร์ดแพทยสภา จะนำมติดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภานายกพิเศษ ที่มี สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นนายกสภาพิเศษ มีระยะเวลา 15 วัน เพื่อพิจารณาว่า จะมีความเห็นตามมติบอร์ดแพทยสภา หรือมีความเห็นแย้งหรือไม่
คนหน้าเดิมรุกหนัก
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2568 พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วย “หมอวรงค์”จึงยกขบวนไปยื่นหนังสือถึง สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เพื่อไม่ให้ใช้อำนาจแทรกแซงมติแพทยสภา
ในมุมของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ มองว่าคลิปของหมอวรงค์ อาจกลายเป็น “พยานแวดล้อม” ชิ้นสำคัญ ในการไต่สวนข้อเท็จจริงของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่นัดไว้ใน วันที่ 13 มิ.ย. 2568
การไต่สวนครั้งนี้ อาจมีการพิจารณาว่า มีการลวงให้เชื่อว่ามีการบังคับแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง อาจยังไม่มีการบังคับโทษเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ต้น
เมื่อย้อนดูคำชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ เมื่อเดือน ส.ค. 2566 ที่ระบุว่า ทักษิณมีภาวะวิกฤติ ต้องรีบส่งตัวออกจากเรือนจำภายในคืนแรกที่เข้าไทย โดยไม่มีการถูกคุมขังในเรือนจำแม้แต่ชั่วโมงเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้การไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย. จะยังไม่ใช่วันชี้ขาด แต่จะส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง บางคนเลยเถิดไปถึงอาจมีการเปลี่ยนตัวผู้นำทางการเมือง
ช่องทางนายใหญ่รอด
อีกด้านหนึ่ง ทีมเนชั่นทีวี ได้วิเคราะห์ปมชั้น 14 อดีตนายกฯ ทักษิณกำลังจะพลิกเกม และยื้อเวลาการไต่สวนได้
วิธีการคือปลดล็อกคดีชั้น 14 ด้วยการตัดชนวน 3 เรื่องด้วยกัน คือ
1.หาพยานมายืนยันว่า ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาแล้ว พยานปากเอกนอกจากกรมราชทัณฑ์ ก็คือ วิษณุ เครืองาม
2.แก้ต่างเรื่องการบริหารโทษของราชทัณฑ์ที่ส่งตัวออกจากเรือนจำไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยอ้างกฎหมายและกฎกระทรวงไม่ได้มีเงื่อนไข “ป่วยวิกฤต” มีแค่ “ป่วยเฉพาะทาง” ซึ่ง รพ.ราชทัณฑ์ ไม่มีอุปกรณ์และบุคลากรที่เชี่ยวชาญโรคเฉพาะทาง
3. แก้ต่างเรื่อง “ป่วยทิพย์” ซึ่งเป็นเหตุให้นอนชั้น 14 ยาวจนถึงพักโทษ ไม่กลับไปเรือนจำอีกเลย
ที่สำคัญ ต่อสู้เพื่อให้มติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ไม่เป็นหลักฐานที่ศาลฎีกาฯ ใช้พิจารณาเรื่องบังคับโทษอดีตนายกฯ ทักษิณ
เนื่องจากมติแพทยสภา มีสถานะเป็น “คำสั่งทางปกครอง” แต่ยังไม่ถึงที่สุด สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข มีสิทธิ์วีโต้ได้
มติแพทยสภาจะถูกตีกลับให้ไปทบทวนใหม่ หากจะยืนยัน ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 แพทยสภายืนยันกลับมา และสภานายกพิเศษเห็นชอบ เรื่องก็ยังไม่จบอยู่ดี เพราะมีแพทย์ที่ถูกลงโทษ ฟ้องร้องขอความเป็นธรรม
เมื่อมติแพทยสภายังไม่ถึงที่สุด ย่อมสรุปเป็น “ข้อเท็จจริงใหม่” ไม่ทันที่จะเสนอต่อศาลฎีกาฯในวันที่ 13 มิ.ย. นี้