คอลัมนิสต์

"ทักษิณ" ติดบ่วงชั้น 14 เครือข่าย "เนวิน" ติดร่างแหฮั้ว สว. จุดเสี่ยงการเมือง

"ทักษิณ" ติดบ่วงชั้น 14 เครือข่าย "เนวิน" ติดร่างแหฮั้ว สว. จุดเสี่ยงการเมือง

10 พ.ค. 2568

กับดักรัฐพันลึก "ทักษิณ" ติดบ่วงชั้น 14 เครือข่ายบ้านใหญ่ "เนวิน" ติดร่างแหฮั้ว สว. อนุรักษ์เล่นไพ่ใบไหน

ชนชั้นนำเล่นเกมอะไร ทักษิณ ติดบ่วงชั้น 14 เครือข่ายเนวิน ติดร่างแหฮั้ว สว. จุดเสี่ยงการเมือง หากเคลียร์ไม่จบ 

 

รัฐบาลพิเศษป่วน เพื่อไทยผสมขั้วอนุรักษ์ ส่อเค้าดีลล่ม ฝ่ายค้านรุก พรรคประชาชนเร่งเก็บเกี่ยวคะแนนนิยม

เปรียบเหมือนศึกไทยไฟต์การเมือง “แดง-น้ำเงิน” เข้าสู่ยกสุดท้าย ต่างออกอาวุธตอบโต้กันอย่างเมามัน

สื่อทุกสำนักจับจ้องไปที่ 2 ตัวละครหลักคือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย และ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ทั้งคู่จะมีกลเม็ดเด็ดพรายอะไร ที่จะมากอบกู้วิกฤตนี้

เหนืออื่นใด มีคำถามดังขึ้นเรื่อยๆ ดีลรัฐบาลพิเศษ 22 ส.ค.2566 จะไปต่อหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ที่เรียกว่า “รัฐซ้อนรัฐ”

สุดสัปดาห์นี้ อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุ เมื่อกรรมการสืบสวนกรณีฮั้ว สว. โดย กกต.ร่วมกับดีเอสไอ ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาถึง 53 สว.ให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน

แม้จะแค่เริ่มยกแรกในคดีฮั้ว สว. แต่ในทางการเมือง ก็มีแรงสั่นสะเทือนไปทั้งเครือข่าย “สีน้ำเงิน”

ขณะที่ฝั่ง “สีแดง” ก็มีแรงกระเพื่อมไม่ต่างกัน หลังมติแพทยสภา สั่งลงโทษนายแพทย์ 3 ราย กรณีช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ มีอาการป่วยเข้าขั้นมีภาวะวิกฤติตามที่กล่าวอ้าง

จะอย่างไรก็ตาม วันที่ 13 มิ.ย. 2568 ที่ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนก็ใช่ว่า จะมีบทสรุปออกเป็นลบต่ออดีตนายฯ ทักษิณ เสียทีเดียว เพราะศาลยังจะต้องฟังคำชี้แจงจากตัวทักษิณเอง กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อการพิจารณาอย่างรอบคอบ 

จากปรากฏการณ์เครือข่ายสีน้ำเงิน ติดร่างแห “ฮั้ว สว.” และนายใหญ่ค่ายสีแดงติดบ่วง “ชั้น 14” จึงตามมาด้วยคำถามว่า ผู้กุมดีลลับจะเอายังไง 

ครูใหญ่เนวิน จะเดินต่อแบบไหน ในสถานการณ์ แดง-น้ำเงิน ติดกับดัก

ติดกับดักดีลข้ามขั้ว


ในอดีต ทักษิณ ชินวัตร และพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ถือธงปฏิรูป เดินตามแนวทางประชาธิปไตย

พลันที่ทักษิณตัดสินใจกลับประเทศไทย จึงมีการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว “เพื่อไทย-อนุรักษ์” ยอมสลัดทิ้งพันธมิตรขั้วประชาธิปไตยอย่างพรรคก้าวไกล(พรรคประชาชน) เป็นฝ่ายค้าน

มีคำอธิบายจากนักวิเคราะห์การเมืองหลายสำนักว่า เพื่อไทยจำต้องเล่นบทอนุรักษ์นิยมใหม่ตามเงื่อนไขดีลลับ เพื่อสกัดการเติบโตของพรรคสีส้ม

เนื่องจากหัวขบวนอนุรักษ์ ยังไม่มีพรรคการเมือง ที่จะสู้รบกับพรรคประชาชน ได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2570

ขณะเดียวกัน ชื่อทักษิณยังเป็นเสมือนปีศาจในสายตาของเครืออนุรักษ์นิยม หรือเครือข่ายรัฐพันลึก ซึ่งสองขั้วมีการต่อสู้ห้ำหั่นกันมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงรัฐประหาร 2557

ตอนแรก มีการประเมินว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในนามอนุรักษ์นิยมใหม่จะฉลุยรื่น เอาเข้าจริง เครือข่ายอนุรักษ์ยังไม่ยอมให้รัฐบาลเศรษฐาหรือรัฐบาลแพทองธาร ขับเคลื่อนนโยบายเรือธงได้ตามที่แถลงต่อรัฐสภา

อย่างเช่นร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ที่เจอแรงต้านทั้งในและนอกสภาฯ มิหนำซ้ำ ปีกขวาจัดยังใช้ประเด็น “กาสิโน” มาปลุกระดมมวลชนจนรัฐบาลต้องถอยชั่วคราว

บ้านใหญ่ใส่เสื้อน้ำเงิน


ปีที่แล้ว กระแส “สว.สีน้ำเงิน” ที่หยุดแผน “สภาสูงสีส้ม” ได้รับการโจษขานมากมาย ทำให้เครือข่ายสีน้ำเงิน ผงาดขึ้นมาเป็นธงนำปีกอนุรักษ์นิยม

ภายหลังมีการร้องเรียนเรื่อง “ฮั้ว สว.” ต่อเนื่อง และดีเอสไอกระโดดเข้ามารับลูกไล่เช็คบิลขบวนการฮั้ว สว. กลายเป็นปมขัดแย้ง “แดง-น้ำเงิน” และเป็นเผือกร้อนของ กกต.

ว่ากันตามจริง พรรคภูมิใจไทยยังห่างชั้นในการต่อสู้กับพรรคประชาชน  เพราะมีจุดอ่อนเรื่องกระแส เพราะ สส.ส่วนใหญ่มาจากการเมืองแบบบ้านใหญ่(อุปถัมภ์ท้องถิ่น)

การเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคสีน้ำเงิน รักษาเก้าอี้ สส.เขตให้ได้เท่าเดิมคือ 71 เสียง ก็เป็นเรื่องยากเต็มที

ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำถามว่า หากชนชั้นนำไม่ใช้บริการ “พรรคของทักษิณ” จะหาพรรคไหนมาต่อกรกับพรรคสีส้ม