คอลัมนิสต์

แค้นคนสึ่งตึง "ณัฐพงษ์" ลุยเชียงใหม่ช่วย "ธีรวุฒิ" ยุทธการสั่งสอนนายใหญ่

แค้นคนสึ่งตึง "ณัฐพงษ์" ลุยเชียงใหม่ช่วย "ธีรวุฒิ" ยุทธการสั่งสอนนายใหญ่

29 เม.ย. 2568

แค้นคนสึ่งตึง "ณัฐพงษ์" ยกทัพแกนนำส้มช่วย "ธีรวุฒิ" ชิงนายกเล็กนครเชียงใหม่ เปิดยุทธการสั่งสอนนายใหญ่

น้ำผึ้งหยดเดียว ณัฐพงษ์ ยกทัพคนสึ่งตึง อุ้ม ธีรวุฒิ ชิงนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดยุทธการสั่งสอนนายใหญ่สีแดง


สึ่งตึง (ไม่เต็มบาท) คำนี้แรง ทักษิณพลาด ค่ายสีส้มได้จังหวะเปิดเกมรุกฉบับภาษาเหนือ เปิ้นว่าหมู่เฮาเป๋นคนสึ่งตึง

ตีเหล็กตอนกำลังร้อน “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และชัยธวัช ตุลาธน จะเดินทางไปเปิดปราศรัยหาเสียงช่วย “เหมา” ธีรวุฒิ แก้วฟอง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

กิจกรรมปราศรัยครั้งนี้ จัดขึ้นที่สำนักงานพรรคประชาชนเชียงใหม่ เชิงสะพานนครพิงค์ ชื่อตอน “เปิ้นว่าหมู่เฮาเป๋นคนสึ่งตึง”

คนเหนือดูจะคุ้นเคยกับคำว่า “สึ่งตึง” (ไม่เต็มบาท) แต่มันถูกนำไปใช้ในเวทีหาเสียงเลือกตั้งนายกเล็กนครเชียงใหม่ จึงกลายเป็นประเด็นร้อน

อันสืบเนื่องจาก ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นปราศรัยหาเสียงช่วย “นายกหน่อย” อัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และทุกครั้งที่เดินทางไปปราศรัยหาเสียงทางภาคเหนือ ก็จะพูดภาษาเหนือ

คำว่า สึ่งตึง จึงถูกนำมาใช้เรียกเสียงฮาจากคนฟัง บังเอิญอดีตนายกฯทักษิณ หยิบวลีสึ่งตึงไปพาดพิงหัวหน้าเท้ง ว่า “ซินตึ๊งหรือสึ่งตึง”

ดังนั้น ภาษาเหนือ “สึ่งตึง” กลายเป็นไวรัลในโซเชียล และลามไปถึงแวดวงการเมือง 

นักนิยมเพลงรุ่นเก่า คงจำเพลง “คนสึ่งตึง” ขับร้องโดย จรัล มโนเพชร ซึ่งมีท่อนฮิตที่ร้องว่า “เขาว่าตั๋วอ้าย เป๋นคนสึ่งตึง มีสองสลึง ป๋ายแห๋มซาวห้า กึดฮอด เป๋นดี ไค้หุย กิ๋นยาหมูตุ้ย ตะวา เปิ้นบอกอ้ายว่า มีวิตามิน”

แปลเป็นภาษากลางก็ว่า “เขาบอกว่าพี่เป็นคนไม่เต็มบาท มีสองสลึงกับยี่สิบห้าสตางค์ (75 สตางค์ นั่นเอง) ลองคิดๆแล้ว ก็จะร้องไห้ กินยาเจริญอาหารเมื่อวาน เขาบอกพี่ว่ามันมีประโยชน์จากวิตามิน”

ฟังเพลงแล้วก็ยิ้ม แต่ “หัวหน้าเท้ง” ยิ้มไม่ออก เพราะถูกยัดเยียดให้เป็น “คนสึ่งตึง” จึงต้องจัดเวทีปราศรัยตอบโต้อดีตนายกฯ ทักษิณ
 

พรรคส้ม จัดปราศรัยใหญ่สนามเทศบาลนครเชียงใหม่
 

ฝังใจแค้นต้องกินส้ม


สมัยเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ทักษิณก็มีวาทะเด็ดๆ เหน็บพรรคสีส้ม “ตรุษจีนชอบใส่เสื้อสีแดง แล้วชอบกินส้ม ตรุษจีนนี้ต้องใส่เสื้อสีแดงแล้วกินส้มให้ได้ จะได้เจริญๆ”

คำว่า “กินส้ม” หมายถึงเอาชนะพรรคสีส้มให้ได้ ทั้งที่สนามเชียงราย พรรคประชาชน ไม่ส่งผู้สมัครนายก อบจ. ตรงกันข้ามคู่แข่งเพื่อไทยคือ ภูมิใจไทย อดีตนายกฯ ทักษิณ กลับไม่พูดถึงเลย

เมื่อมาหาเสียงสนามนายก อบจ.เชียงใหม่ ทักษิณก็พูดซ้ำว่า “ผมตั้งใจใส่เสื้อแดงมากินส้มเต็มที่ เผลอไปแป๊บเดียว วันนี้โดนส้มกิน ดังนั้นจะมากินส้มใหม่”

“นายใหญ่” ฝังใจเรื่องที่เพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง เสียที่นั่ง สส.ให้พรรคประชาชน ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และลำพูน จึงอดไม่ได้ที่จะเหน็บพรรคสีส้ม

ส้มบ่แม่นคนสึ่งตึง


ช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ปีนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมานครพิงค์บ่อยมาก เพราะมั่นใจว่า ผู้สมัครพรรคประชาชนจะได้รับชัยชนะ

ย้อนไปเมื่อต้นปี 2564 ธนาธร วิดีโอคอลร่วมเปิดตัว “เหมา” ธีรวุฒิ แก้วฟอง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ในนามกลุ่มเชียงใหม่กว่า และคณะก้าวหน้า

ตอนแรก ธนาธรไม่คิดจะส่งผู้สมัครที่สนามนครเชียงใหม่ แต่ ชำนาญ จันทร์เรือง และเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้พูดคุยกับกลุ่มเชียงใหม่กว่า จึงมีมติร่วมกันสนับสนุนเหมา ธีรวุฒิลงแข่งนายกเล็ก

ธีรวุฒิ แก้วฟอง ข้าราชการชำนาญการ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลาออกจากราชการ มาตั้งกลุ่มเชียงใหม่กว่า

ระหว่างที่ “เหมา” รับราชการ ได้ทำธุรกิจคราฟต์เบียร์ ต่อสู้กับกลุ่มธุรกิจเบียร์ผูกขาด จึงพบปะคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ จึงมีแนวคิดจะลงสมัครนายกเล็กนครเชียงใหม่

สมัยที่แล้ว “เหมา” มือใหม่พ่ายตระกูลบูรณุปกรณ์ ได้แค่ 6,797 คะแนน หนนี้ มีความพร้อมมากกว่าเดิม เพราะพรรคประชาชน มี สส. 2 คนในโซน อ.เมืองเชียงใหม่คือ เขต 1 เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู และเขต 2 การณิก จันทดา