คอลัมนิสต์

จบไปนานแล้ว “ทักษิณ” ดุลเปลี่ยนพบ “เนวิน” ปริศนาปฏิญญาบ้านจันทร์

จบไปนานแล้ว “ทักษิณ” ดุลเปลี่ยนพบ “เนวิน” ปริศนาปฏิญญาบ้านจันทร์

08 ต.ค. 2567

สว.สีน้ำเงินคือจุดเปลี่ยน “ทักษิณ” นัดพบ “เนวิน” ผ่าทางตันการเมือง ตอกย้ำพันธมิตรขวาใหม่ ลบทิ้งวลีจบแล้วครับนาย

ดุลเปลี่ยน “ทักษิณ” เพื่อไทยไม่เหมือนเดิม “เนวิน” มีอาวุธลับ ยึดกุมเสียงสภาสูง สยายปีกคุมองค์กรอิสระ

 

สว.สีน้ำเงินคือจุดเปลี่ยน ครูใหญ่บุรีรัมย์ชิงแบรนด์เบอร์หนึ่งอนุรักษนิยม นายใหญ่จึงนัดพูดคุย ผ่าทางตันเกมสภา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

กรณี เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล เข้าพบทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นข่าวฮือฮาข้ามวัน มีการวิเคราะห์วิจารณ์พร้อมตั้งคำถามว่า จริงหรือไม่

วันอังคารที่ 8 ต.ค.2567 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมก็ไปทานข้าวเย็นที่บ้านอดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งผมไปประจำอยู่แล้ว ก็แค่นั้น”

 

อนุทินขยายความว่า “ผมเป็นคนชวนนายเนวินไปเอง จบนะ ไม่ต้องถามอะไรต่อ เพราะการกินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องภายใน เบิร์ธเดย์บอย”

 

แม้อนุทินจะออกมาย้ำว่า ไม่มีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็มีการสร้างวาทกรรม “ปฏิญญาจันทร์ส่องหล้า” เหมือน “ปฏิญญาเขาใหญ่”

 

สืบเนื่องจากสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค.นี้ มีปรากฏการณ์ “สีน้ำเงินผงาด” จาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาสูง และที่บุรีรัมย์

 

เรื่องแรก สว.สีน้ำเงิน หัก สส.กรณียื้อเกณฑ์ประชามติ ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ทำให้นโยบายรัฐบาลแพทองธารไม่บรรลุเป้าหมาย

 

เรื่องที่สอง งานวันเกิดเนวิน ชิดชอบ ครบ 66 ปี ครูใหญ่บุรีรัมย์ อาศัยจังหวะพิธีปะกำช้าง หมอช้างผูกด้ายสู่ขวัญอนุทิน พูดเสียงดังให้นักข่าวได้ยินว่า “ผูกให้อนุทินเป็นนายกฯ”

 

นี่คือความเก๋าของเนวิน ที่ต้องการให้ประโยค “ผูกให้เป็นนายกฯ” กลายเป็นไวรัลการเมือง และให้สื่อนำไปตีความกัน 

 

ความจริงงานวันเกิดของครูใหญ่เนวิน ก็จัดตามรูปแบบเดิมทุกปี แต่ปีนี้ มีกองทัพสื่อไปทำข่าว เพราะ “สว.สีน้ำเงิน” เพิ่งสำแดงเดชเบรกร่าง พ.ร.บ.ประชามติของรัฐบาลแพทองธาร

 

ลบทิ้งไปนานแล้ว

 

วลี “มันจบแล้วครับนาย” ปฐมบทการแยกทางกันเดิน ถูกลบทิ้งไปนานแล้ว เพราะสัญญาณการฟื้นคืนสัมพันธ์ของ “นายใหญ่” และ “ครูใหญ่”นั้น เริ่มปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งปี 2566

 

เดือน ต.ค.2564 ทักษิณสื่อสารผ่านคลับเฮาส์ พูดถึงเนวินบ้างเล็กน้อย ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดี “คุณเนวินมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง..ก็รู้จักกัน แต่การเมืองก็ทำห่างเหิน”

 

กรณีข้างต้น มีนักข่าวไปถามอนุทิน ชาญวีรกูล ในประเด็นค้างคาใจระหว่างทักษิณกับเนวิน เสี่ยหนูตอบว่า “ผมว่ากาลเวลา..คนก็อายุมากขึ้น อะไรมากขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรกัน”

 

ถัดมาช่วงปลายปี 2565 เนวิน ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งปี 2566 ว่า “ประเทศไทยกับการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร เชื่อผมเลย..”

 

ครูใหญ่บอกว่า อย่าได้แปลกใจ ถ้าภูมิใจไทยกับเพื่อไทย จะจับมือกันตั้งรัฐบาล ขออย่าเอาเรื่องของเนวินกับทักษิณมาเป็นตัวตั้ง

 

“อย่าเอาตัวผมมาเป็นที่ตั้งสิ ผมไม่ได้เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย ผมแค่ครูใหญ่ ผมเป็นแค่ลุงเนวิน”

 

จะว่าไปแล้ว ความบาดหมางระหว่างทักษิณกับเนวิน ก็ได้คลี่คลายไปตามกาลเวลาและบริบทการเมือง

 

เรื่องจริงจากบ้านจันทร์

 

ตรวจสอบจากแหล่งข่าวในค่ายสีน้ำเงินพบว่า นายใหญ่นัดหารือถึงทิศทางบ้านเมือง เกี่ยวกับอนาคตของนายกฯแพทองธาร และนโยบายเรื่องสำคัญๆที่ต้องอาศัยพรรคภูมิใจไทยสนับสนุน  

 

ในวงสนทนาคาดว่า น่าจะมีการเคลียร์กันเรื่องนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์  ซึ่งมีกาสิโนอยู่ด้วย เพราะที่ผ่านมา ค่ายสีน้ำเงินได้ออกโรงต้านกาสิโนเสรี ซึ่งเบื้องหลังอาจเป็นเพราะการแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว

 

การพบกันของทักษิณ และเนวินเป็นครั้งแรกในรอบ 20 กว่าปี ย่อมสะท้อนถึงพันธมิตรอันเหนียวแน่นของขั้วอนุรักษนิยม ต้านขั้วเสรีนิยมก้าวหน้าที่มีพรรคสีส้มเป็นตัวแทน