คอลัมนิสต์

สงครามแค้น “ประวิตร” ส่อไร้รัง “สรวงศ์” นอมินีนายใหญ่รุกบ้านอัมพวัน

30 ส.ค. 2567

ถั่งโถมโหมแรงไฟ "ทักษิณ" จ่อเอาคืน "ประวิตร" ยึดบ้านอัมพวัน จับตา "สรวงศ์" เสนาบดีท่องเที่ยวกีฬา จัดทัพโอลิมปิคไทย

สงครามแค้น ทักษิณ จ่อเอาคืน ประวิตร ยึดบ้านอัมพวัน จับตา สรวงศ์ เสนาบดีท่องเที่ยวกีฬา จัดทัพโอลิมปิคไทย

 

คนรอบข้างลุงหยุมสุมไฟแค้น เปิดศึกใต้ดินทุกรูปแบบ นายใหญ่ไม่ปล่อยให้ไล่ล่าข้างเดียว เตรียมรุกรื้อบ้านอัมพวัน

 

กลายเป็นคู่แค้นแห่งปี ทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังปฏิบัติถอนแค้นเศรษฐาถูกสอย ด้วยการทุบพลังประชารัฐ จนแตกเป็น 2 ขั้ว

วันนี้ บ้านป่ารอยต่อฯ จึงเหลือเพียงอดีตนายทหาร อดีต สส. ผู้สมัคร สส.สอบตกซ้ำซาก นักร้องเสียงทอง และนักเคลื่อนไหว ที่ไปรวมตัวกันให้กำลังใจลุงป้อมทุกวัน

 

นักสังเกตการณ์ประเมินว่า บ้านป่ารอยต่อฯ กำลังจะเป็นกองบัญชาการโค่น “ระบอบทักษิณ” ภาค 2 โดยมีลุงป้อม เป็นหัวขบวนใหญ่

 

ขณะที่ฝั่งค่ายพะเยาปลดแอก เรียกบ้านป่ารอยต่อฯ ว่าเป็นศูนย์รวมคนหัก และเชื่อว่า สส.ที่อยู่ข้างกายลุงป้อม นับวันก็จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ จาก 20 คน น่าจะเหลืออยู่ 7-8 คน

 

ดูจากปฏิบัติการสอยอุ๊งอิ๊งรายวัน พอประเมินว่า สงครามแค้นครั้งนี้ ไม่จบง่ายๆ และฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐ คงไม่ยอมให้ลุงบ้านในป่าเล่นเกมใต้ดินฝ่ายเดียว

 

ทายาทเจ้าพ่อสระแก้ว

 

แวดวงคนกีฬาเมาท์กันสนั่นเมือง เป้าหมายต่อไปของนายใหญ่คือ “บ้านอัมพวัน” หรือสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ถนนศรีอยุธยา

 

ระยะหลัง ลุงป้อมใช้บ้านอัมพวัน เป็นฐานบัญชาการการกีฬา-การเมือง ไม่ต่างจากบ้านป่ารอยต่อฯ เนื่องจากมีคนแอบแจกข่าวอยู่บ่อยๆว่า ได้มีการนัดหมาย สส.ต่างพรรคไปเจอลุงป้อมที่บ้านหลังนี้

 

น่าจับตาว่า พล.อ.ประวิตร นั่งประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ 2 สมัยติดต่อกัน และสมัยที่ 2 กำลังจะครบวาระในเดือน เม.ย.2568

 

อันเป็นที่มาของคนกีฬาการเมืองจับกลุ่มคุยกันว่า ลุงป้อมจะรักษาบ้านอัมพวัน เอาไว้เป็นฐานการเมืองต่อไปได้หรือไม่

 

เมื่อรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง 1 มีชื่อ “บอย” สรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา แทนเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช

 

บอย สรวงศ์ ลูกชายคนโตของเสนาะ เทียนทอง สั่งสมบารมีมาพอตัว จึงได้เป็นเลขาธิการพรรค และถูกมอบหมายให้มาคุมกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

 

ว่ากันว่า กระทรวงนี้ หากรัฐมนตรีไม่เก๋าพอ ไม่ทันเกม ก็คุมบิ๊กข้าราชการฝั่งท่องเที่ยวและการกีฬาไม่อยู่

 

เลือกตั้ง สส.สระแก้ว ปีที่แล้ว เสี่ยบอยเพิ่งสางแค้นเอาชนะสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ อดีต สส.สระแก้ว สายตรงลุงป้อม ด้วยคะแนนทิ้งห่างกัน 2 หมื่นคะแนน

 

เจ้าพ่อกีฬาสายบูรพา

 

อีกด้านหนึ่งของลุงป้อมที่คนไทยคุ้นตา ก็คือ ลุงใหญ่ใจดีของนักกีฬา เพราะเมื่อปี 2560 ในวันที่ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ยังเบ่งบารมีในยุค คสช.

 

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตนายทหารใหญ่สายบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้ประกาศอำลาตำแหน่ง หลังนั่งประมุขบ้านอัมพวัน มาถึง 4 สมัย เป็นระยะเวลา 16 ปี

 

จังหวะนั้น รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ นายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ ที่ทำหนังสือขอลาออกเพื่อปูทางให้ลุงป้อมเป็นนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย คนที่ 11

 

จากนั้น “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อุปนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ก็กางแผนยึดบ้านอัมพวัน

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คนใหม่

 

กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จะมีการล็อกตัวบุคคลเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งบุคคลคนนั้นส่วนมากก็จะเป็นนายทหารระดับสูงผู้มากบารมีของประเทศทั้งสิ้น

 

ไล่มาตั้งแต่ปี 2509 จอมพลประภาส จารุเสถียร สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก และก็เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จนถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อปี 2516

 

ใครจะเป็นประธานโอลิมปิคไทย จะต้องมีเสียงสนับสนุนจาก 38 สมาคมกีฬาสมัครเล่นไทย และเป็นที่ทราบกันว่า นายกสมาคมกีฬาแต่ละแห่งนั้น ต่างก็มีเครือข่ายกับคนการเมืองทั้งสิ้น

 

ปี 2568 ลุงป้อมจะเป็นประมุขบ้านอัมพวันต่อไปอีก 4 ปีหรือไม่ ย่อมขึ้นกับสงครามแค้นของนายใหญ่-ลุงหยุม จะมีพัฒนาการไปในทิศทางไหน ใครได้เปรียบเสียเปรียบ