
ส่องสิงห์ทอง “มงคล” เสริมศักดิ์ปั้นสู่ “สิงห์น้ำเงิน” เต็งหนึ่งประธาน สว.
จับตา มงคล สุระสัจจะ จากสิงห์ทอง เสริมศักดิ์ปั้นสู่วิถีนักปกครอง ก่อนพลิกผันเป็นสิงห์น้ำเงิน ค่ายเซราะกราว สู่เส้นทาง สว. เต็งหนึ่งประธานสภาสูง
เต็งหนึ่ง มงคล สุระสัจจะ จากสิงห์ทอง เสริมศักดิ์ ปั้นสู่เส้นทางนักปกครอง ก่อนพลิกผันเป็นสิงห์น้ำเงิน โตก้าวกระโดดเกือบเป็นปลัด มท.
เปิดศักราชใหม่ สภาสูงชุดใหม่ จับตาประมุข สว.จะเป็นสายตรงบ้านใหญ่อีสานใต้ หรือเป็นคนกลาง ที่มีคอนเนกชั่น อำนาจเก่า-อำนาจใหม่
วันแรกที่มีการแสดงตนของ สว.ชุดใหม่ 200 คน ที่อาคารรัฐสภา ปรากฏว่ามงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก เพราะก่อนหน้านั้น มีข่าวว่า เป็นตัวเต็งประธาน สว.คนใหม่
มงคล พูดกับนักข่าวด้วยท่วงทำนองถ่อมตัวว่า ตนถือว่ามาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นลูกชาวบ้านธรรมดา การทำงานในครั้งนี้ ต้องการทำหน้าที่เพื่อตอบแทน
ส่วนกระแสข่าวเรื่องการนั่งตำแหน่งประธาน สว. มงคลกล่าวเพียงสั้นๆว่า “..การได้มาถึงจุดนี้ถือว่าเป็นบุญวาสนา ผมไม่ได้คิดไม่ได้ฝัน เรื่องนี้ยังคิดอะไรไม่ได้”
นี่คือลักษณะพิเศษของอดีตอธิบดีกรมการปกครอง เป็นสิงห์มหาดไทยที่ไม่วางตัวเป็นเจ้านาย ชอบคลุกคลีอยู่กับคนรากหญ้า เพราะเขาโตมาจากก้อนดินก้อนทราย
มงคล สุระสัจจะ เกือบเป็นปลัดมหาดไทยคนแรก ที่มา “สิงห์ทอง” (รัฐศาสตร์ รามคำแหง) แต่บุญวาสนาเป็นได้แค่อธิบดีกรมการปกครอง และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการมหาดไทย
“จ้อน” มงคล เติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ อ.หนองโดน จ.สระบุรี จ้อนไม่ฝันที่จะเรียนต่อระดับอุดมศึกษา เพราะดูไกลเกินเอื้อม กระทั่งเมื่อปี 2514 มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง มงคลจึงตัดสินใจเข้าเรียนในตลาดวิชา
เมื่อจบรัฐศาสตร์ รามคำแหง มงคลสอบเข้าเป็นปลัดอำเภอ จากนั้น วิถีข้าราชการมหาดไทยของมงคล ได้รับการสนับสนุนของ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รอง ผวจ.ปทุมธานีสมัยโน้น จนก้าวสู่นักปกครองระดับสูง
จากดินสู่ดาวมหาดไทย
หลายคนอาจไม่ทราบว่า เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและการกีฬา เป็นผู้ปั้นปลัดลูกชาวนา สู่เส้นทางนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด
ปี 2532 มงคล ย้ายมาเป็นปลัด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงได้พบกับเสริมศักดิ์ ที่เวลานั้นเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี โดยปลัดหนุ่ม รับใช้นายเสริมศักดิ์อย่างแข็งขัน
เมื่อเสริมศักดิ์ ย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิการวิทยาลัยการปกครอง กรมการปกครอง ก็สนับสนุนให้มงคล ได้เข้าเรียนวิทยาลัยการปกครอง บ่มเพาะก่อนก้าวสู่นายอำเภอ
หลังเรียนจบ มงคลเป็นนายอำเภอครั้งแรกที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ต่อมา เสริมศักดิ์ ย้ายไปเป็น ผวจ.นครพนม มงคลก็ตามไปเป็นนายอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม ก่อนย้ายมาที่ อ.ธาตุพนม
จากนั้น มงคลย้ายมาเป็นนายอำเภอที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก และ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้วขยับไปเป็นรอง ผวจ.ศรีสะเกษ
พูดกันตรงๆ หากไม่มี “นาย” ชื่อ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช จ้อน-มงคล คงเกษียณในตำแหน่งนายอำเภอแก่ๆคนหนึ่ง
สู่เส้นทางสิงห์น้ำเงิน
จุดเปลี่ยนชีวิตราชการของมงคล สุระสัจจะ อยู่ที่การขยับไปเป็นรอง ผวจ.ศรีสะเกษ ช่วงที่ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็น รมช.มหาดไทย ปี 2549
ปี 2551 มงคล ย้ายมาเป็น ผวจ.บุรีรัมย์ จึงได้รู้จักกับ เนวิน ชิดชอบ ซึ่งเวลานั้นยังสังกัดพรรคพลังประชาชน ก่อนจะแยกตัวมาก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย
ปลายปี 2552 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้โยกมงคล จาก ผวจ.บุรีรัมย์ มาเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน
27 เม.ย.2553 ที่ประชุม ครม.อภิสิทธิ์ อนุมัติแต่งตั้งมงคล เป็นอธิบดีกรมการปกครอง และปลายปีเดียวกัน มีการเสนอชื่อมงคลให้เป็นปลัดมหาดไทย
ภายหลัง มงคลขอถอนตัว แสดงเจตจำนงไม่รับตำแหน่งดังกล่าว ที่ประชุม ครม.อภิสิทธิ์ จึงตั้ง วิเชียร ชวลิต เป็นปลัดมหาดไทยแทน
เมื่อเกษียณอายุราชการ มงคลปักหลักทำไร่เพื่อนคุณ อยู่ที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และสมัยรัฐบาลประยุทธ์ เขาได้เป็นคณะทำงานของ รมช.มหาดไทย (ทรงศักดิ์ ทองศรี)
สาเหตุที่ มงคล ถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เนื่องจากมีบุคลิกพิเศษ อ่อนน้อมถ่อมตน เข้าถึงผู้คนทุกระดับ ประนีประนอม และเป็นนักจัดการฝีมือเยี่ยม