เบื้องลึก “วิษณุ” ปิดดีลเจ๊า “ต่อ-โจ๊ก” ฉายกระบวนท่าการเมืองลี้ลับ
ภารกิจพิเศษ วิษณุ เปิดดีลเจ๊า ต่อ-โจ๊ก ไม่ใช่เพื่อเศรษฐา เพื่อนายใหญ่ เนติบริกรรับข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ ยุติศึกสีกากี สร้างดีลปรองดอง
ดีลเจ๊ายี่ห้อ วิษณุ เนติบริกรชี้ทางออก ต่อ-โจ๊ก คืนกรมปทุมวัน คนหนึ่งเตรียมอำลาแบบเท่ๆ อีกคนหนึ่งได้ไปต่อ ยิ่งกว่าแมว 10 ชีวิต
เบื้องลึก วิษณุ ในภารกิจพิเศษ ไม่ใช่เพื่อเศรษฐา เพื่อนายใหญ่ แต่เพื่อสร้างความปรองดอง และยุติศึกสีกากี ที่ยืดเยื้อมากว่าครึ่งปี
หลังจาก วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงผลสอบกรณีความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยนายกฯ มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกส่งตัวกลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว
แต่ควันหลงกรณีดีลเจ๊า 2 นายพลตำรวจ ยังพูดกันไม่จบในวงสภากาแฟ เพราะชาวบ้านร้านตลาดมองว่า ไม่น่าจบแบบนี้
มีข้อน่าสังเกต คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายใน สตช. ที่นายกฯเศรษฐา แต่งตั้งนั้น มี ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน
อย่าลืมว่า ช่วงต้นเดือน มิ.ย.2567 ที่มีข่าวว่า นายกฯเศรษฐา เชิญวิษณุ มาเป็นที่ปรึกษาฯ ก็มีเสียงร่ำลือว่า “ปลัด ฉ.” เป็นคนทาบทามเนติบริกรคนแรกๆ
ว่ากันว่า ปลัดฉิ่ง นั่งเป็นประธานสอบใช้เวลา 4 เดือน ก็ยังหาทางออกไม่ได้ จึงต้องไปเชิญซือแป๋กฎหมายมาช่วยคลี่คลาย และชี้ช่องทางสร้างความปรองดอง
ดังนั้น ที่มีข้อสงสัยเรื่องดีลลับ หรือดีลพิเศษ ย่อมทำให้คนในสังคมโจทย์ขานกันได้เป็นเรื่องปกติ
การแถลงข่าวของ ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด ว่าด้วยเรื่องดีลลับ ก็พูดอ้ำๆอึ้งๆ เพราะรู้ว่า พูดหมดเปลือก ทนายตั้มอาจหมดอนาคต
จริงๆแล้ว กูรูกฎหมายบางคนบอกว่า ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายก รัฐมนตรี มีที่มาค่อนข้างซับซ้อน ย่อมไม่ใช่แค่ปลัดฉิ่งไปเชื้อเชิญมาช่วยสางปมต่อ-โจ๊ก
บนเงื่อนไขการเมืองอันลี้ลับ ผู้ที่จะออกปากไหว้วานให้ วิษณุ มาช่วยแก้ปมขัดแย้งเรื่องนี้ได้ ย่อมไม่ใช่แค่ปลัดฉิ่งคนเดียว และน่าจะเป็นบุคคลที่ซือแป๋วิษณุปฏิเสธไม่ได้
จบแบบเป็นต่อ
ในที่สุด บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จะกลับมาเกษียณในฐานะ ผบ.ตร. หรือจะลาออกก่อนเกษียณ ดังข่าวลือที่ว่า บิ๊กต่อมีภารกิจสำคัญในช่วงเดือน ก.ค.นี้
แน่นอน ก่อนบิ๊กต่อเกษียณอายุราชการ คงจะทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ วาระประจำปีไม่ได้ รวมถึงเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ด้วย
เนื่องจาก กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 จะมีผลบังคับใช้จริงๆ ในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งบิ๊กต่อเกษียณไปแล้ว
แม้จะไม่ได้มีอำนาจแต่งตั้งนายตำรวจ แต่การที่บิ๊กต่อได้กลับมาอำลากรมปทุมวันแบบเท่ๆ ก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว
เรื่องเล่าแมวหลายชีวิต
บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กลับ สตช.แล้วก็จริง แต่ต้องลุ้นการยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน(คำสั่ง ตร.ที่ 178/2567) เพราะวิษณุบอกแล้วว่า การออกคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่สำคัญ บิ๊กโจ๊กต้องรอการยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) มีกำหนดระยะเวลา 120 วัน
บิ๊กโจ๊ก จะได้กลับเข้ารับราชการตำรวจอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ถ้าอุทธรณ์คำสั่งผ่าน ต้องยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
หากทุกอย่างเป็นไปในทางบวก บิ๊กโจ๊ก ได้กลับมาเป็น รอง ผบ.ตร. และมีลุ้นได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.คนใหม่
ส่วนคดีที่โดนกล่าวหาอยู่ในอำนาจการไต่สวนของ ป.ป.ช. ซึ่งมีหลักการตามกฎหมายชัดเจนว่า หากข้อกล่าวหาอยู่ระหว่างที่ ป.ป.ช.ไต่สวน จะไม่ส่งผลต่อการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย
เหนืออื่นใด หากความเห็นของกฤษฎีกาเรื่องคำสั่ง ตร.ที่ 178/2567น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่บิ๊กโจ๊ก ใช้เป็นข้อต่อสู้อุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน บิ๊กโจ๊กก็รอด
หากเป็นไปตามนี้ บิ๊กโจ๊ก มีลุ้นเข้าไลน์แคนดิเดตชิงเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” อีกครั้ง นี่แหละเป็นที่มาของคำว่า แมว 10 ชีวิตหรือ 20 ชีวิต