วัดดวงดีลใหญ่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อนุรักษ์ขาดแดงไม่ได้ ‘ส้ม’ วาสนาฝ่ายค้าน
โพลพระปกเกล้าสะเทือนเพื่อไทย ก้าวไกลทิ้งห่างทุกพรรค ชี้อนาคตชนชั้นนำอนุรักษนิยม ยังต้องพึ่งทักษิณ ขจัดก้าวไกลให้พ้นทางอำนาจ
ดีลบังคับ อุ๊งอิ๊ง นำทัพเพื่อไทย ตกเป็นรองก้าวไกล เงื่อนไขดีลใหญ่ยังไปต่อ แม้ค่ายแดงอันดับ 2 ค่ายส้มไม่ถึง 250 ก็เป็นฝ่ายค้านต่อไป
สังเคราะห์โพลพระปกเกล้า ก้าวไกลนำห่างเพื่อไทย ชี้อนาคตชนชั้นนำอนุรักษนิยม ยังต้องพึ่งพลังทักษิณ ขจัดค่ายส้มให้พ้นทางอำนาจ
เสียงสะท้อนจากโพลพระปกเกล้า ชี้ชัดว่า ก้าวไกลทิ้งห่างเพื่อไทยแบบเหลือเชื่อ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร รับสภาพได้ในเงื่อนไขไฟต์บังคับดีลใหญ่ จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล และชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค คงพอใจต่อผลการสำรวจของพระปกเกล้า ซึ่งพิธาได้ประ กาศแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องได้ 270-300 ที่นั่ง
อันเนื่องจากการแถลงของโพลพระปกเกล้า โดยสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับสำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองและศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง 76 จังหวัด สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องความนิยมในพรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี : 1 ปีหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566
ที่น่าสนใจ ผลการสำรวจพบว่า ถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงจะเลือกพรรคก้าวไกลมากเป็นอันดับ 1 ทั้งสองระบบ
โพลพระปกเกล้า นำตัวเลขประมาณการที่นั่งที่พรรคการเมืองแต่ละพรรค มีโอกาสได้รับจากการเลือกตั้งทั้งสองระบบมารวมกัน พบว่า หากมีการเลือกตั้ง สส.ในช่วงเวลานี้ ก้าวไกล จะได้ที่นั่งมากที่สุด รวม 208 ที่นั่ง
รองลงมาเป็นเพื่อไทย 105 ที่นั่ง ,ภูมิใจไทย 61 ที่นั่ง, รวมไทยสร้างชาติ 34 ที่นั่ง, พลังประชารัฐ 30 ที่นั่ง, ประชาธิปัตย์ 22 ที่นั่ง, ชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง และประชาชาติ 9 ที่นั่ง ตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นพรรคการเมืองอื่นๆ รวม 21 ที่นั่ง
หากเปรียบเทียบกับโพลอีกหลายสำนัก คะแนนนิยมของก้าวไกล ก็ทิ้งห่างเพื่อไทย ไม่ต่างจากโพลพระปกเกล้า
นอกจากนี้ โพลข้างต้นนี้ ยังสะท้อนว่า พรรคแนวอนุรักษนิยมไม่มีที่ยืนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์พลังประชารัฐ และชาติไทยพัฒนา
ดีลลับ-ไฟต์บังคับ
หลัง ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย พร้อมกับการจัดตั้งรัฐบาลเศรษ ฐา ที่มีพรรค 2 ลุง เข้าร่วม ทำให้คนในพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย รู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ต้องเลือกหนทางนี้
ภายใต้เงื่อนไขดีลลับลังกาวี ทักษิณปฏิเสธไม่ได้ว่า เป้าหมายของชนชั้นนำอนุรักษนิยมคือ สลายขั้วฝ่ายประชาธิปไตย โดดเดี่ยวก้าวไกล
นี่คือการเขียนบทใหม่ให้ทักษิณ และพรรคของนายใหญ่ กลายเป็นพรรคอนุรักษนิยมใหม่ไปโดยปริยาย
แม้ทักษิณ และอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร จะออกมาประสานเสียงว่า เพื่อไทยไม่ใช่อนุรักษนิยมใหม่ เป็นพรรคปฏิรูปเหมือนไทยรักไทย แต่ก็ปฏิเสธเงื่อนไขไฟต์บังคับไม่ได้
ดังนั้น รัฐบาลเศรษฐา จึงมุ่งเน้นนโยบายเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเชื่อว่า เมื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชนได้ คะแนนนิยมก็จะตามมา
อย่างไรก็ตาม การถูกประทับตราอนุรักษนิยมใหม่ จึงทำให้คะแนนนิยมของเพื่อไทยดิ่งลงในวันนี้
ชนะแต่เป็นฝ่ายค้าน
เมื่อเร็วๆนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ประกาศกลางงาน Policy Fest ที่ไบเทค บางนา ว่า การเลือกตั้งรอบหน้า ก้าวไกลตั้งเป้าให้ได้ สส. 270-300 ที่นั่ง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็ยืนยันว่า ‘เราต้องการข้ามเส้น 250 ให้ได้ ถ้าทำได้ในปี 2570 ทศวรรษ 2570 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง’
เนื่องจากตัวเลข 208 ที่นั่ง ตามพระปกเกล้าโพลนั้น มิอาจทำให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ได้ฉายภาพการเมืองในอนาคตว่า ยุทธศาสตร์ของเพื่อไทยต่อจากนี้คือ การเป็นที่หนึ่งในผู้แพ้ ขณะที่ก้าวไกลจำเป็น ต้องได้เกิน 250 ที่นั่ง จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
คำว่าเป็นที่หนึ่งในผู้แพ้ หมายถึง เพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 1 ในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา และประชาชาติ
ดังนั้น ฉากทัศน์การเมืองหลังเลือกตั้งรอบหน้า หากชนชั้นนำยังประ สงค์ที่จะให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องรักษาดีลใหญ่ให้ไปต่อ และใช้บริการนายใหญ่จันทร์ส่องหล้า