เลือดเข้าตา มินอ่องหล่าย งัดกลยุทธ์บินถล่มเมืองเมียวดี วันเดียวทิ้งระเบิด 250 ลูก บีบหม่องชิดตู่ จะเลือกข้างไหน SAC หรือ KNU
ทอ.เมียนมาทิ้งระเบิดไม่เลือกเป้าหมาย ทหารกะเหรี่ยง KNLA ร่นถอยจากทางหลวงสายเอเชีย 1 เปิดทางทัพใหญ่บุกทวงคืนเมียวดี
สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังวิกฤต เมื่อมีข่าวทหารเมียนมา 3 กองพลเคลื่อนทัพใกลถึงเมืองเมียวดี หลังทหารกะเหรี่ยง KNLA ต้องล่าถอยจากแนวต้านที่เมืองกอกะเร็ก
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ไม่ยอมเสียเมืองเมียวดีให้ฝ่ายต่อต้าน จึงสั่งการให้กองทัพอากาศเมียนมา ส่งเครื่องบินรบเปิดปฏิบัติการ ‘ระเบิดถล่มเมือง’ วันเดียวทิ้งระเบิด 250 ลูก
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แสดงความกังวลกลัวว่า การทิ้งระเบิดแบบห่าฝนจะทำให้เกิดทฤษฎี ‘เมียวดีโดมิโน’ เกิดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา
เนื่องจากเมืองเมียวดี เป็นพื้นที่เดียวที่ยังเป็นการก้ำกึ่งที่มีการควบคุมระหว่างฝ่ายต่อต้านหรือรัฐบาลเมียนมา (SAC) ทำให้รัฐบาลเมียนมาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เมียวดีคืน
หากยุทธการระเบิดถล่มเมืองประสบชัยชนะ สส.กัณวีร์ เกรงว่าจะลุกลามไปทุกเมืองบริเวณชายแดนที่อยู่ติดกับไทย ที่ถูกฝ่ายต่อต้านยึดไปแล้ว
ยุทธการระเบิดเมือง
หลังรอเวลามา 10 วัน ทหารเมียนมาไม่ยอมธงขาว ฝ่ายสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) จึงรุกครั้งสุดท้าย เพื่อสถาปนาเมืองเมียวดีเป็นอิสระจากการปกครองของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC)
เช้าตรู่วันที่ 20 เม.ย. 2567 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNDO) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) เปิดฉากบุกโจมตี พัน.ร.275 สังกัด พล.ร.เบา 44 ซึ่งกระจายกำลังอยู่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 (ฝั่งเมียวดี) บ้านเหย่ปู่ เมืองเมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามบ้านวังตะเคียนใต้ ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1.5 กม.
การสู้รบดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน(20 เม.ย.67) แต่ทหาร KNLA,KNDO และ PDF ยังเผด็จศึกไม่ได้ เพราะทหารเมียนมา ขอการสนับสนุนจากเครื่องบินทิ้งระเบิด และ ฮ.ติดอาวุธ
ผู้สื่อข่าวชาวเมียนมาอ้างสถิติที่รวบรวมได้จากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ช่วงการสู้รบ 12 ชั่วโมง กองทัพเมียนมาได้ปฏิบัติการทางการอากาศด้วยเครื่องบินรบ MiC29 และ Harbin Y-12 ทิ้งระเบิดเกือบ 250 ลูก รอบสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ฝั่งเมืองเมียวดี
สมทบด้วยเฮลิคอปเตอร์ MI-35 ที่บินมายิงจรวดจากอากาศสู่พื้น สลับกับการทิ้งระเบิด ทั้งวันทั้งคืน
มีข้อน่าสังเกตว่า ทหารเมียนมาเกือบ 200 นาย กองพัน 275 ที่ถอนตัวออกจากค่ายผาซอง มาปักหลักอยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ตอนแรกดูเหมือนว่า จะยอมจำนน และขอข้ามเข้ามาลี้ภัยในฝั่งไทย
ในที่สุด ทหารเมียนมากลุ่มนี้กลับปักหลักสร้างบังเกอร์คล้ายสร้างป้อมค่ายใหม่ ใช้เวลาอยู่ในจุดดังกล่าวมากกว่า 10 วัน
สาเหตุที่ทหารเมียนมา ไม่ยอมแพ้ เพราะรู้ว่า กองทัพเมียนมาได้เปิดยุทธการ ‘อ่องเซยะ’ โดยเคลื่อนกำลังทหาร 3 กองพล มาตามทางหลวงเอเชียหมายเลข 1 (AH1) มุ่งหน้าสู่เมืองเมียวดี
บีบหม่องชิดตู่
ดังที่ทราบกัน เมืองเมียวดี ประตูการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดของไทย-เมียนมา และเป็นที่ตั้งของธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะอาชญากรรมไซเบอร์ของกลุ่มคนจีนหรือทุนจีนสีเทา
พ.อ.ซอชิดตู่ หรือหม่องชิดตู่ เป็นผู้ควบคุมเมืองเมียวดี รวมถึงเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ และเมืองใหม่เคเคพาร์ค จึงตกเป็นเป้าหมายของทางการจีนในการกดดันให้กะเหรี่ยง KNA ปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และกลุ่มทุนจีนสีเทา
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย จึงใช้ความพยายามดึงจีนเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามในเมียวดี เหมือนครั้งที่จีนหนุน 3 กองทัพชาติพันธุ์ ‘โกก้าง-ตะอาง-อาระกัน’ ในรัฐฉานเหนือ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เลาก์ก่ายโมเดล อาจเป็นต้นแบบ ‘เมียวดีโมเดล’ เพื่อจัดการทุนจีนสีเทา ฉะนั้น สงครามชิงเมียวดี ส่อเค้าจะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ และมีแนวโน้มมหาอำนาจจะเข้ามามีเอี่ยวในศึกชิงขุมทรัพย์เมียวดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง