เปิดโฉม ‘ธีรยุทธ สุวรรณเกษร’ อดีตทนาย ‘พุทธะอิสระ’ มือร้องส้มล้มล้าง

ส่องชีวิต ธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตมือกฎหมายพุทธะอิสระ จากทนายความอิสระ สู่มือยื่นคำร้องค่ายส้มล้มล้างการปกครอง

อดีตหลวงปู่วัดอ้อน้อย ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมก้าวต่อไป ยุติพรรคก้าวไกล ดำเนินคดีจริยธรรมร้ายแรงแก่พลพรรคสีส้มทั้งคณะ

ทันทีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง กรณีแก้ไข ม.112 โดยศาลมีคำสั่งให้ยุติการกระทำดังกล่าว
 

ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ผู้ยื่นคำร้องก้าวไกลล้มล้างการปกครองฯ ได้เดินทางกลับโดยทันที โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

อีกด้านหนึ่ง แอดมินเพจหลวงปู่พุทธะอิสระ(Buddha Isara) ได้โพสต์ว่า ‘ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ ที่ยังทรงความยุติธรรมไว้ให้แก่แผ่นดิน’

พร้อมมีข้อความเพิ่มเติมว่า ‘หลังจากได้ฟังคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ทำให้ต้องก้าวต่อไป ในเรื่องกรณียุติพรรค และประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรงของพลพรรคก้าวไกลทั้งคณะ’

นี่เป็นจุดยืนและท่าทีของอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ชี้แจงว่า การยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาพิธาและพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิหรือเสรี ภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ไม่มีใบสั่งจากใคร แต่ทำในฐานะนักกฎ หมาย ซึ่งต้องทำหน้าที่ตามหลักการของกฎหมาย 

อย่างไรก็ตาม ธีรยุทธ สุวรรณเกษร เปิดตัวในฐานะทนายความอิสระและไม่ได้เป็นทนายความของพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย

ทนายความลูกชาวบ้าน
นับจากวันนี้ไป คาดว่า ธีรยุทธ สุวรรณเกษร จะเป็นทนายความที่มีอยากรู้จักมากขึ้น เขาเป็นทนายความคนกล้าในสายตากลุ่มปกป้องสถาบันฯ ตรงกันข้ามด้อมส้มอาจรู้สึกไม่พอใจและชิงชัง 

กลางปีที่แล้ว สำนักข่าวบีบีซีไทย ได้พูดคุยกับธีรยุทธในประเด็นชีวิตส่วนตัวเป็นครั้งแรก ธีรยุทธจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ รามคำแหง ประกอบอาชีพทนายความมานานกว่า 24 ปี รับทำคดีทั่วไป ไม่ได้เชี่ยวชาญคดีลักษณะใดเป็นพิเศษ 

จุดเปลี่ยนในชีวิตทนายธีรยุทธ เมื่อปี 2556 เขาเข้าร่วมอุปสมบทหมู่ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โดยมีพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสขณะนั้น เป็นองค์บรรยายธรรม 

ครบกำหนด 2 เดือนก็ลาสิกขา ธีรยุทธก็กลับสู่ชีวิตฆราวาส และอยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่เป็นโยมอุปัฏฐากของพุทธะอิสระ ได้ชักชวนให้ไปพบเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยขณะนั้น 

ระหว่างนั้น พระพุทธอิสระ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตรวจสอบวัดพระธรรมกาย และมหาเถรสมาคม ทนายธีรยุทธจึงได้รับงานดำเนินการทางกฎหมายต่อวัดพระธรรมกาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมิได้ปฏิบัติตามพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช

ธีรยุทธยังไม่ได้เข้ามาเป็นทนายประจำตัวของพุทธะอิสระ เนื่องจากหลวงปู่วัดอ้อน้อย ไปเคลื่อนไหวบนท้องถนน ในฐานะแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ปี 2558 หลังพุทธะอิสระจบภารกิจจากเวที กปปส. ธีรยุทธจึงได้เป็นทนายความหลวงปู่ และวัดอ้อน้อย ส่วนในวันนี้ เขามีสถานะเป็นอดีตทนายความพุทธะอิสระ

 

 

 

จุดยืนไม่เปลี่ยน
ปลายปี 2566 มีข่าวใหญ่ในแวดวงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปพบพุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อย เพื่อขอเสียงสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม (ฉบับพรรคก้าวไกล) 

การเดินทางไปพบพุทธะอิสระของชัยธวัช ทำให้มีเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งจากฝั่งด้อมส้ม และฝั่งมวลชนปกป้องสถาบันฯ

ด้านเพจหลวงปู่พุทธะอิสระ จึงได้เผยแพร่คลิปการสนทนาที่มีขึ้นอย่างเปิดเผยในศาลาปฎิบัติธรรม วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม

โดยพุทธะอิสระ ได้รับฟัง และขอพรรคก้าวไกล 2 เรื่อง อย่าแตะสถาบันกับความมั่นคง 

แสดงว่า จุดยืนและอุดมการณ์ของพุทธะอิสระไม่เปลี่ยน ซึ่งยังคงความเป็นคนรักชาติ รักสถาบันฯ เหมือนเมื่อครั้งเป็นแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ

น่าจับตานับจากนี้ไป บทบาทของพุทธะอิสระ ในการยุติพรรคก้าวไกล และดำเนินคดีจริยธรรมร้ายแรงแก่พลพรรคสีส้ม