คอลัมนิสต์

ถอยไม่เท่ากับหมอบ ‘พิธา’ ลุ้นปมคดี ‘ม.112’ ทางลงลดเพดาน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถอยไม่เท่ากับหมอบ พิธา ลุ้นคดีแก้ไข ม.112 จะมีผลบวกหรือลบ ปิยบุตร ดักคอแกนนำส้ม คำวินิจฉัยอาจเป็นทางลงลดเพดาน ไม่ทะลุฟ้า

บวกหรือลบ พิธา ไม่ชิงรุก ลุ้นคำวินิจฉัยแก้ไข ม.112 จะออกหน้าไหน ปิยบุตรอนแกนนำส้ม รุกได้ ถอยได้ แต่อย่าชิงหมอบ 


ถอยไม่เท่ากับหมอบ พิธา ยังมีเวลาหายใจ คำวินิจฉัยเชิงลบ อาจเป็นทางลง ก้าวไกลไม่แตะ ม.112 ด้อมส้มจะรับได้หรือไม่


ด่านชี้ชะตาอนาคต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลคือ คดีล้มล้างการปกครอง อันเป็นผลมาจากนโยบายหาเสียงแก้ไข ม.112 และการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  โดยศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยวันที่ 31 ม.ค. 2567 
 

บ่วงคดีล้มล้างการปกครองฯ หนักหนาสาหัสกว่าบ่วงคดีถือหุ้นสื่อไอทีวีหากคำวินิจฉัยออกมาเป็นลบ


นั่นหมายถึง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการดำเนินการของพรรคก้าวไกล เป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ หรือล้มล้างการปกครอง ซึ่งขัดบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง 


แต่ในยกแรกยังไม่ถึงขั้นยุบพรรค เนื่องจาก ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะผู้ร้องคดีดังกล่าว ได้ร้องขอยุติการกระทำเท่านั้น 


ดังนั้น แกนนำพรรคก้าวไกล จึงพอมีเวลาหายใจและหาช่องทางต่อสู้คดีในฉากต่อไป หากมีคนฉวยเอาคำวินิจฉัยทางลบ ไปยื่นคำร้องให้ยุบพรรค รวมถึง กกต.ก็จะต้องดำเนินการโดยอัตโนมัติ


ที่น่าสนใจ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.อ2567 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงแผนงานพรรคก้าวไกลในปี 2567 หรือ MFP’s Strategic Roadmap ว่า มี Big Bangs หรือเป้าหมายสำคัญ 6 เป้าหมาย


หนึ่งในนั้นคือ การเสนอแก้ไขกฎหมายและร่างกฎหมายเพิ่มเติมรวม 47 ฉบับ ซึ่งไม่มีร่างแก้ไข ม.112


พลันที่พิธา แถลงแผนงานพรรคจบลง ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “...ผมไม่เห็นด้วยกับการแถลงการณ์แผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567 ผมเข้าใจดีว่า ทีมงานของพรรคต้องการจัดแถลงการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อต้อนรับการกลับมาของพิธา แต่เมื่อผมเห็นเนื้อหาทั้งหมดแล้ว ผมเห็นว่า… ผิดพลาด โดยเฉพาะแผนเสนอร่าง พ.ร.บ. 47 ฉบับ โดยไม่มีร่างแก้ไข 112”
 

ถอยไม่เท่ากับหมอบ
ในวันแถลงโรดแม็ปของพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ตอบคำถามนักข่าวเรื่องแนวทางแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ว่า คงต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ จึงไม่ได้มีร่างแก้ไข ม.112 รวมอยู่ในร่าง พ.ร.บ. 47 ฉบับ


อีกด้านหนึ่ง พรรคก้าวไกลปล่อยคลิปวิดีโอ ย้ำจุดยืน ระบุว่า แก้ไขไม่เท่ากับล้มล้าง  ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความระบุว่า ปฏิรูป ต้องไม่เท่ากับล้มล้าง แก้ไข 112 ไม่เท่ากับล้มสถาบัน แต่คือหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา


มีแนวทางวิเคราะห์จากสื่อหลายสำนักประเมินว่า หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดการกระทำ ย่อมเป็นทางลงของพรรคก้าวไกลได้ และแกนนำสีส้มกลุ่มหนึ่ง คงอยากลดเพดานเรื่องมาตรา 112 อยู่แล้ว 

 

ปิยบุตร มีแผลในใจกับการแก้ไข ม.112 มาแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่

 

 

บาดแผลในใจ
ด้อมส้มอาจรู้สึกรำคาญกับท่าทีของ ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์พิธาและพรรคก้าวไกล โดยใช้คำว่า ‘หมอบ’ ก่อนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 31 ม.ค. 2567
จริงๆ แล้ว ปิยบุตร แสงกนกกุล มีปมในใจเรื่อง ม.112 สมัยที่ร่วมกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยเขาถือว่า เป็นตราบาปฝังในจิตใจคือ ไม่ผลักดันเรื่องแก้ไข ม.112


“ผมยอมกลืนเลือด ตัดสินใจขัดแย้งกับมโนธรรมสำนึกของผมอย่างสิ้นเชิงมาแล้ว ด้วยการประกาศว่า ไม่มีนโยบายแก้ 112 ทั้งนี้ก็เพื่อขจัดอุปสรรคขัดขวาง ให้พรรคก่อตั้งได้ ให้พรรคได้ไปต่อ..”


ดังนั้น ปิยบุตรจึงทนไม่ได้ เมื่อได้ฟังพิธาแถลงโรดแม็ปก้าวไกล โดยไม่มีแผนการเสนอร่างแก้ไข ม.112


“หากพรรคก้าวไกลคิดแบบเฉลียว เจ้าเล่ห์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องแถลงในวันนี้เลย อดใจรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 31 ม.ค.นี้ก่อนก็ได้ เผื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะหาทางลง ให้พรรคก้าวไกล ด้วยการตีกรอบการแก้ 112 ไว้”


แกนนำพรรคสีส้ม ก็คงหวังลึกๆ ให้คำวินิจฉัยปม ม.112 เป็นทางถอยเพื่อลดเพดานแก้ไข ม.112 เพื่อยืนยันว่า การถอยไม่ใช่หมอบ

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ