คอลัมนิสต์

โม้ไม่ออก ‘สมรักษ์’ พ่ายยับคาสนาม ‘ขอนแก่น’ สิ้นแล้วฮีโร่โอลิมปิก

11 ธ.ค. 2566

ชาวบ้านไม่เลือก สมรักษ์ ปิดฉากการเมือง สู้ศึกผู้แทนฯขอนแก่น 2 ครั้ง พิสูจน์ชัด ได้แค่พันคะแนน แบรนด์ฮีโร่บาส วลีไม่ได้โม้ ขายไม่ได้

ได้แต่โม้ สมรักษ์ ปิดฉากการเมืองเรียบร้อยแล้ว สู้ศึกผู้แทนฯขอนแก่น 2 ครั้ง พิสูจน์ชัด ได้แค่พันคะแนน แบรนด์ฮีโร่บาส ขายไม่ได้ในเวทีเลือกตั้ง


บทเรียนพรรคการเมือง เลือกคนดังลงสนามเลือกตั้ง สมรักษ์เป็นกรณีศึกษา ชาวบ้านชอบดูชกมวย ไม่ได้อยากได้เป็น สส.


แม้คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จะไม่พิจารณาลงโทษ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตผู้สมัคร สส.ขอนแก่น ในกรณีสาว 17 แต่ในความเป็นจริง สมรักษ์ ก็จบอนาคตตัวเองบนเส้นทางการเมืองไปแล้ว

เมื่อชาวขอนแก่น เขต 11 อ.บ้านไผ่ ได้ให้คำตอบแก่สมรักษ์ คำสิงห์ ด้วยผลโหวตเพียง 1,271 คะแนน 


เมื่อเปรียบเทียบกับการทุ่มเททรัพยากรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้แก่อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิกถือว่า พลังประชารัฐขาดทุนมหาศาล


ย้อนไปช่วงปลายเดือน เม.ย.2565 สมรักษ์ คำสิงห์ และผู้สมัคร สส.ภาคอีสาน 21 คน เดินทางไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ เพื่อรับมอบโอวาทและให้การต้อนรับเข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ


นัยว่า สมรักษ์ ได้รับการทาบทามจากอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำพรรคภาคอีสานของลุงป้อม เพราะเชื่อว่า เจ้าของวลีดัง ‘ไม่ได้โม้’ จะขายได้ในพื้นที่ภาคอีสาน 

คนบ้านเฮาคนบ้านไผ่
สมรักษ์ คำสิงห์ เคยลงสมัคร สส.ขอนแก่น มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2554 แต่มีเวลาหาเสียงในพื้นที่น้อย จึงแพ้คู่แข่งแบบไม่ได้ลุ้น ครั้งล่าสุด สมรักษ์ออกสตาร์ทไปเปิดตัวที่บ้านเกิด อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น แนะนำตัวในมาดนักบุญช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจน และมอบทุนพัฒนาชุมชนตั้งแต่กลางปี 2565


ช่วงก่อนเปิดตัวในสีเสื้อพลังประชารัฐ สมรักษ์ยังได้พาเพื่อนนักมวยดังอย่าง สามารถ พยัคฆ์อรุณ, ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์, ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ และเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ไปโชว์ตัวและลงเตะฟุตบอลการกุศล


ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก รู้ดีว่า สีเสื้อ พปชร. สู้กระแสเพื่อไทยไม่ได้ จึงเน้นเรื่องความเป็นคนบ้านเฮา พร้อมสโลแกนส่วนตัว ‘อบอุ่น คึกคัก บ้านผมใช้ผมครับ ไม่ได้โม้’ มากกว่าจะชูพรรค หรือชูลุงป้อม


ผลเลือกตั้ง สส.ขอนแก่น เขต 11 (อ.บ้านไผ่ อ.ชนบท อ.บ้านแฮด) ปรากฏว่า สจ.แม็ค-องอาจ ฉัตรชัยพลรัตน์ ค่ายภูมิใจไทย พลิกโผเข้าป้ายกวาดมาได้ 37,529 คะแนน


ส่วนตัวเต็ง พชรกร อรรณนพพร ลูกชายของ พงศกร อรรณนพพร ค่ายเพื่อไทย ได้ 32,864 คะแนน สมรักษ์ คำสิงห์ ไม่สมราคาที่โม้ไว้เยอะได้แค่ 1,271 คะแนน

 

 

เวทีสุดท้ายของสมรักษ์

 

 

แบรนด์ฮีโร่ขายไม่ได้
พรรคการเมืองที่ไม่มีกระแส หรือเป็นพรรคขนาดกลาง มักจะเสาะหาคนดังมาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหวังคะแนนปาร์ตี้ลิสต์


ปี 2554 พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดตัวอดีตนักมวยระดับแชมป์ 4 คน ประกอบ ด้วย สมรักษ์ คำสิงห์ ลงสมัคร สส.ขอนแก่น, เขาทราย แกแล็คซี่ ลงสมัคร สส.เพชรบูรณ์, เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ลงสมัคร สส.นครศรีธรรมราช และมนัส บุญจำนงค์ ลง สส.บัญชีรายชื่อ


ตอนนั้น บรรหาร ศิลปอาชา เป็นคนติดต่อสมรักษ์และเพื่อนนักชกด้วยตัวเอง หวังนำเอาฮีโร่มวยไทยมวยสากลมาเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งทางพรรคชาติไทย ได้นำอดีตนักมวยแชมป์โลกเดินสายหาเสียงทั่วประเทศมากกว่า


ตอนปี 2554 สมรักษ์ก็ลงสมัคร สส.ขอนแก่น เขต อ.บ้านไผ่ อ.บ้านแฮด และได้มา 1,981 คะแนน โดยสมรักษ์อ้างว่า สาเหตุที่แพ้เลือกตั้ง เพราะไม่ได้ลงหาเสียงในพื้นที่แล้ว


เมื่อเอาคะแนนของสมรักษ์ คำสิงห์ มาคลี่ดูทั้งปี 2554 ได้ 1,981 คะแนน และปี 2566 ได้ 1,271 คะแนน สะท้อนว่า คำว่า ฮีโร่บาส หรือวลีติดหู ไม่ได้โม้ นั้นไม่ได้ช่วยเพิ่มคะแนนให้แก่สมรักษ์แม้แต่น้อย


จากผลคะแนนดังกล่าวข้างต้น เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคการเมืองอื่นคงไม่เลือกสมรักษ์ เป็นผู้สมัคร สส.ขอนแก่นอีกแล้ว แม้แต่ไม่ได้เกิดกรณีสาว 17 ก็ตาม