คิดใหญ่ทำยาก ‘เศรษฐา’ เลื่อน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เลี่ยงคมดาบองค์กรอิสระ

ไปต่อส่อเลื่อน เศรษฐา สะดุดแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คิดใหญ่แต่ทำยาก สะท้อนความไม่พร้อม ไม่ตกผลึก เจอศึกรุมค้านรอบทิศ

มาแล้วมือปราบโกง หมอวรงค์-รสนา จี้องค์กรอิสระระงับยับยั้งอภิมหาประชานิยมแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 5.6 แสนล้าน 

ในที่สุด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เผชิญความจริงทางการเมือง นโยบายขายฝันช่วงหาเสียง แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งในทางปฏิบัติกลับไม่ลื่นไหล และเต็มไปด้วยปัญหาสารพัด

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ครั้งที่ 2/2566 ในวันอังคารที่ 24 ต.ค. 2566 ที่นายกฯเศรษฐา นั่งหัวโต๊ะ ได้มีการแจ้งยกเลิกวาระการประชุมครั้งนี้ออกไปก่อน เนื่องจากคณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต อยู่ระหว่างทำข้อมูลยังไม่เสร็จเรียบร้อย

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยอมรับว่า จากการศึกษาของอนุกรรม การดิจิทัลวอลเลต ทั้ง 3 ชุด มีหลายประเด็นยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นแหล่งที่มาของเงินทำโครงการ การกำหนดกรอบที่จะจ่ายเงินและช่องทาง-วิธีการจ่ายเงิน

แม้ว่าเสี่ยหนิม จุลพันธ์ จะยังตั้งเป้าว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเริ่มแจกเงินได้ในวันที่ 1 ก.พ. 2567 แต่หากไม่ทันตามที่กำหนดไว้ ก็พร้อมที่จะไปบอกนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเลื่อนโครงการ 

อย่างไรก็ตาม รมช.คลัง ยืนยันแค่เลื่อน แต่ไม่ล้มโครงการ และเชื่อว่าจะดำเนินการได้ทันในไตรมาสแรกของปี 2567

มือปราบโกงมาแล้ว
สัปดาห์นี้ นายกฯเศรษฐา อยู่ระหว่างการเยือนหลายประเทศ และสวมบทซุปเปอร์เซลส์แมน ได้รับคำชมจากภาคธุรกิจว่าขายเก่ง แต่กลับถึงเมืองไทย คงต้องกุมขมับกับนโยบายเรือธง-แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต

ที่สำคัญ มือปราบโกงในยุคต้านระบอบทักษิณ ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนและมีความเห็นส่งศาลปกครอง เพื่อระงับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเศรษฐา

 

 

 

หมอวรงค์ มือปราบจำนำข้าว ที่มายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งเป้าไว้ 2 ประเด็น อย่างแรก ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องไปให้ศาลปกครองพิจารณา 

อย่างที่สอง ยื่นคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ก่อนจะมีคำพิพากษา โดยสั่งให้ระงับโครงการดังกล่าวไว้ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

ส่วน รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นหนังสือต่อสำ นักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ขอให้ตรวจสอบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาลว่าชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 8 พระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2561 หรือไม่ 

หากพบว่า ผิดก็สามารถที่จะเชิญประธาน กกต. และ ประธาน ป.ป.ช.มาประชุม เพื่อพิจารณาและทำรายงานเสนอให้รัฐบาลล้มเลิกโครงการนี้

 

ดาบในมือองค์กรอิสระ
เหตุใด หมอวรงค์ และรสนา จึงฝากความหวังไว้กับองค์กรอิสระ ในการหยุดยั้งอภิมหาประชานิยมแจกเงินดิจิทัลเงินหมื่น 

ย้อนไปสมัยการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ภายใต้ร่มเงารัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการสรุปบทเรียนการโกงจำนำข้าว จึงล้อมคอกโครงการประชานิยม ด้วยมาตรา 245 ที่ไม่รักษา “วินัยการเงินการคลัง”

โดยมีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพราะมีหน้าที่ตรวจสอบการกระทําที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ 

แหล่งข่าวในสภาสูงเปิดเผยว่า องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงมีดาบอยู่ในมือคือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561 มาตรา 8 ได้กำหนดหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินในการตรวจ สอบเงินแผ่นดิน หากพบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง เพื่อประโยชน์ในการระงับยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

กฎหมายตรวจเงินแผ่นดินฉบับนี้ มีการปรับปรุงใหม่ หลังเกิดเหตุโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และอาจถูกนำมาใช้อีกครั้งในโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต รัฐบาลเศรษฐา