คอลัมนิสต์

เล่นเกมเสี่ยง เศรษฐา ปลุกรากหญ้าเชียร์ ‘เงินหมื่น’ ดุจผนังทองแดงกำแพงเหล็ก

เล่นเกมเสี่ยง เศรษฐา ปลุกรากหญ้าเชียร์ ‘เงินหมื่น’ ดุจผนังทองแดงกำแพงเหล็ก

15 ต.ค. 2566

สงครามปากท้อง เศรษฐา ปลุกรากหญ้า ลุยอภิมหาประชานิยม ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ฝ่าด่านสกัดทุจริต ไม่หวั่นองค์กรอิสระล้อมคอก

ความหวังหรือความเสี่ยง เศรษฐา ปลุกเร้าเอฟซีเพื่อไทย ส่งเสียงหนุนนโยบายดิจิทัลเงินหมื่น ท่ามกลางเสียงต้านกระหึ่มเมือง 


อภิมหาประชานิยม ดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท เรือธงรัฐบาลเศรษฐา กำลังแล่นฝ่าด่านสกัดทุจริต ไม่หวั่นองค์กรอิสระล้อมคอก 


ผลกระทบจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส อาจยังไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยในระยะแรกๆ แต่เฉพาะหน้าภารกิจพาแรงงานไทย 5 พันคนกลับบ้าน เป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลเศรษฐา

สำหรับภายในประเทศ รัฐบาลเศรษฐา กำลังเผชิญกระแสต้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นับวันจะขยายวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่จำกัดเฉพาะนักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการเท่านั้น


ดังนั้น ในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จึงปราศรัยต่อหน้าชาวพิษณุโลกที่มาต้อนรับว่า “สำหรับดิจิทัลวอลเล็ต อยากอธิบายให้ฟังว่า สมมติวันที่ 1 ก.พ. 2567 คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ได้คนละหมื่นบาท บ้านไหนมีสามคนห้าคนเอาไปตั้งตัวได้เลย คิดดูว่า มีประโยชน์มากแค่ไหน”

 

นายกฯเศรษฐา ท่ามกลางกองเชียร์เพื่อไทย

 


พร้อมกันนั้น นายกฯ เศรษฐายังปลุกเร้าว่า “ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผล มายับยั้งโครงการนี้ ถ้าชอบก็ขอให้พูดบ้าง ให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง”


พลันที่นายกฯ เศรษฐาสื่อสารกับชาวเมืองสองแคว ทำให้ สส.เพื่อไทยรีบขานรับ ประสานชาวบ้านในพื้นที่ ส่งเสียงหนุนนโยบายเงินหมื่นทันที


สังเกตได้จากในสื่อสังคมออนไลน์ จะมีทั้งฝ่ายหนุนและฝ่ายค้านนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ประหนึ่งเป็นสงครามโฆษณาชวนเชื่อ


อย่างไรก็ตาม วันที่ 12 ต.ค. 2566 ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติรับคำร้อง เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ยื่นเรื่องวินิจฉัยพร้อมส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง เนื่องจากเห็นว่า อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลัง


แม้มีเสียงเตือน เสียงทักท้วงทั้งแผ่นดิน แต่นายกฯ เศรษฐา ยังจะเดินหน้าต่อไป อาจมีการปรับเปลี่ยนโครงการให้เกิดความเหมาะสมโดยหวังให้คนรากหญ้า เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กปกป้องรัฐบาลเศรษฐา

ภาพหลอนจำนำข้าว
อย่าลืมว่า พรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทย เคยมีบาดแผลเกี่ยวกับอภิมหาประชานิยม โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ด สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์


โครงการจำนำข้าว ทำให้มีรัฐมนตรีติดคุก 2 คน และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ด้วยข้อหาไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้มีการทุจริต


ล่าสุด ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พร้อมให้เชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านเศรษฐศาสตร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อศึกษารายละเอียดโครงการดังกล่าว


ถ้ามีข้อห่วงใย ก็จะเสนอความเห็นไปยัง ครม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ เหมือนกับโครงการจำนำข้าวที่ ป.ป.ช.เคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาก่อนหน้านี้


ทาง ป.ป.ช.ส่งเสียงเตือนว่า หาก ครม.ไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดความเสียหายขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบ 

 


ระวังรัฐธรรมนูญปราบโกง
ในวันนี้ รัฐบาลเศรษฐา ตกอยู่ในสถานการณ์ปากกล้าขาสั่น เพราะโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ใช้งบฯ-เงินกว่า 5.6 แสนล้านบาทนั้น มีความสุ่มเสี่ยงจะซ้ำรอยจำนำข้าว


ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2566 มีคำสั่งตั้งคณะกรรม การนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มีนายกฯ เป็นประธาน ร่วมกับรัฐมนตรีหลายกระทรวง 


นอกจากนี้ ยังมีคณะอนุกรรมการย่อยอีก 3 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการ มี จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน โดยเป็นคณะที่รวบรวมประเด็น เช่น เกณฑ์โครงการ แหล่งเงินงบประมาณ จากนั้น จึงจะเสนอต่อชุดใหญ่


2.คณะทำงานด้านตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ 3.คณะทำงานด้านบริหารฐานข้อมูลโครงการ


ว่ากันว่า ทีมนโยบายพรรคเพื่อไทยเห็นบทเรียนจากนโยบายจำนำข้าว โดยศึกษาคำวินิจฉัยจาก ป.ป.ช. และคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงได้ตั้งอนุกรรมการดังกล่าวขึ้นมาปิดจุดอ่อน


เหนืออื่นใด พรรคเพื่อไทยจะมองข้ามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ได้ฉายาฉบับปราบโกงไปไม่ได้ โดยเฉพาะมาตรา 245 ที่ล้อมคอกโครงการประชานิยม ที่ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง