รู้แล้วจะหนาว ‘ประวิตร’ เดินลึกกว่าที่คิด รอเวลา ‘ก้าวไกล’ แพ้ภัยตัวเอง

ไม่รู้แต่เดินลึก ประวิตร ซุ่มซ่อนรอเวลา ก้าวไกล แพ้ภัยตัวเอง ก่อนจะนับหนึ่งรัฐบาลใหม่ อาศัยขุมกำลังขั้วเดิม เพิ่มเติมคือ สส.พรรคอันดับ 2 

สัปดาห์นี้ ประวิตร ไปดูม้าแข่งที่ลอนดอน ขณะที่ ทักษิณ ท่องเที่ยวในยุโรปกลาง ก่อนจะเดินทางกลับไทยในช่วงปลายเดือน กค.นี้

ช่วงวันที่ 21-25 มิ.ย.2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้าชมการแข่งม้ารอยัลแอสคอต ซึ่งรายการใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร

อีกด้านหนึ่ง ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกเดินสายทัวร์ยุโรปกลางและตะวันออก นัยว่าจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ และจบทัวร์ทริปนี้ ทักษิณอาจกลับเมืองไทยช่วงปลายเดือนหน้า

การเดินทางไปพักผ่อนที่อังกฤษของ พล.อ.ประวิตร จุดประเด็นข่าวเรื่องดีลลับข้ามขั้วให้กลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนอีกครั้ง

 

แหล่งข่าวสายความมั่นคงวิเคราะห์ว่า พล.อ.ประวิตร และทักษิณ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องไปเจรจากันในต่างแดน เพราะดีลมันจบไปนานแล้ว

 

 

 

ดับฝันโลกสวย
เป็นไปตามความคาดหมาย ตำแหน่งประธานสภา หาข้อยุติไม่ได้ในพรรคเพื่อไทย เมื่อ สส.ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับการยกเก้าอี้ตัวนี้ให้พรรคก้าวไกล

จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน วิเคราะห์ทันทีว่า การเมืองแบบโลกสวยเรื่องพรรคก้าวไกล จะได้ตั้งรัฐบาลนั้น อาจไม่เกิดขึ้นจริง เพราะพรรคเพื่อไทย ซุกซ่อนเกมปั่นป่วนในพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้ สุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภา ปูทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก้าวข้ามความขัดแย้งมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้สะดวกขึ้น

การลุกขึ้นอภิปรายคัดค้านแนวคิดยกเก้าประธานสภาให้ก้าวไกลของ อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ ท่ามกลางกองทัพสื่อนั้น ถูกมองจากคนบางกลุ่มว่าเป็นการจัดฉาก 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยจะจัดฉากไปทำไม ทำไมไม่มองว่าเราทำเปิดเผย เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย สมาชิกคิดเห็นอย่างไร ก็สามารถแสดงออกได้อย่าด่วนสรุป”

สรุปว่า ปัญหาพรรคใดจะได้ตำแหน่งประธานสภา ระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทย ยังไม่มีข้อสรุป และในการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ก็จะไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้

 

 

เกมซ้อนเกม
กลางดึกคืนวันที่ 20 มิ.ย.นี้ วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กมีข้อความว่า “รู้แล้วจะหนาว เกมนี้มันหลายชั้นจริงๆ พลิกไปพลิกมา ล็อกถล่มแผ่นดินทลาย คอยดูเถอะ...”

แหล่งข่าววงใน สว.สายความมั่นคง ถอดรหัสความเห็นของ สว.วันชัย ได้ว่า กลุ่มผู้ถืออำนาจเดิม รวบรวมตัวเลข สส.ขั้วรัฐบาลเดิมแล้ว มองเห็นว่า สู้ได้ หากสามารถดึงเสียงมาจากขั้ว 8 พรรคร่วมรัฐบาลพิธาประมาณ 70 เสียงมารวมกับ 188 เสียง ก็ตั้งรัฐบาลได้ เพราะไม่ต้องห่วงเสียงสนับสนุนจาก สว.

ปัจจุบัน สส.ขั้วรัฐบาลเดิมประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 71 คน ,พรรคพลังประชารัฐ 40 คน, พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 25 คน ,พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน, พรรคชาติพัฒนากล้า 2 คน, พรรคประชาธิปไตย 1 คน, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 คน,พรรคท้องที่ไทย 1 คน และพรรคใหม่ 1 คน รวม 188 คน

ก่อนหน้านี้ นักข่าวสายความมั่นคง ได้รับข้อมูลว่า พล.อ.ประวิตร ส่ง รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปเคลียร์ใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจะนำพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ มารวมเป็นพรรคเดียว เพื่อให้ได้ สส. 76 คน มากกว่าพรรคภูมิใจไทย ที่มี 71 คน

ยุทธศาสตร์รัฐบาลก้าวข้ามความขัดแย้ง จะเกิดขึ้นหลังจากพิธา ฝ่าด่าน สว.ไม่สำเร็จ โหวตกี่ครั้ง เสียงไม่ถึง 376 เสียง พรรคก้าวไกล อาจประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน

หากปีกลุงป้อม จะจัดตั้งรัฐบาลปรองดอง ก็ต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนจาก สส.เพื่อไทย ไม่ต่ำกว่า 70 เสียง จึงเป็นที่มาของคำว่า ได้กลิ่นงูเห่า

เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่มีลุงป้อม เป็นนายกฯ เกี่ยวพันอย่างไรกับทักษิณกลับบ้าน ประเด็นนี้มีคนในสภาสูงสรุปว่า นายห้างดูไบกลับมาในช่วงรัฐบาลลุงป้อม ย่อมการันตีเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน