คอลัมนิสต์

ละครวงแตก ‘อดิศร’ โชว์พลังซุ้มอีสาน ‘เพื่อไทย’ ข่มเด็กส้ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ซุ้มอีสานขยับ อดิศร โวยแกนนำเพื่อไทย ยกเก้าอี้ประธานสภา ประเคนก้าวไกล เกมนี้แปลกๆ หมอแคนตัวแทนซุ้มไหน ในวันที่แบรนด์นายห้างไม่ขลังเหมือนเก่า

ละครหรือของจริง อดิศร โวยแกนนำเพื่อไทย ยกเก้าอี้ประธานสภา ประเคนก้าวไกล มีข้อสังเกตหมอแคนตัวแทนอีสานซุ้มไหน จากทั้งหมดกว่าสิบซุ้ม 


อีสานยุคส้มผงาด ทักษิณ สิ้นมนต์ขลังไปเยอะ สส.เพื่อไทย เคยพึ่งแบรนด์นายห้างดูไบ มาวันนี้มีบทเรียน อดีต สส.หลายคนพ่ายผู้สมัครหน้าใหม่ไร้ชื่อชั้น

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ มีความชัดเจนเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้ข้อสรุปว่า พรรคอันดับหนึ่งจะได้ตำแหน่งประธานสภา และพรรคอันดับสอง จะได้รองประธานทั้ง 2 คน


ขณที่ อดิศร เพียงเกษ ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยังยืนยันความเห็นเดิม เมื่อพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีใครได้เสียงข้างมากเด็ดขาดไปกว่ากัน ก็สมควรไปโหวตในสภา ใครจะได้ตำแหน่งประธานสภา


อดิศร ย้ำว่า “...ยืนยันตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย หรืออย่างน้อยต้องใช้มติที่ประชุมสภาฯ ตัดสิน สภาเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล”


ในวันประชุมว่า สส.พรรคเพื่อไทย วันที่ 21 มิ.ย. 2566 ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค อดิศรจะได้นำเรื่องประธานสภาไปสอบถามต่อที่ประชุมว่า เหตุใดไม่แจ้งให้สมาชิกทราบ ไม่ใช่ไปตัดสินใจกันเอง

เหตุใด อดิศร เพียงเกษ จึงไม่ทราบเรื่อง หรือทราบแล้ว แต่มีการเขียนสคริปต์ทำนองแบ่งบทกันเล่น เพราะก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยมีท่าทีแข็งกร้าวในเรื่องนี้มาตลอด


อีกด้านหนึ่ง อดิศรอาจเป็นตัวแทนของ สส.อีสาน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการส่งสัญ ญาณไปถึงแกนนำเพื่อไทย ให้ตระหนักว่า การจะตัดสินใจเรื่องใด ก็ควรปรึกษาหารือกัน ไม่ควรงุบงิบทำกันเฉพาะกรรมการบริหารพรรคไม่กี่คน

 

 

บ้านใหญ่อีสาน
จากการเลือกตั้งปี 2548 จนมาถึงปี 2562 คนอีสานส่วนใหญ่ยังรักและศรัทธาทักษิณ ชินวัตร ฉะนั้น มีการเลือกตั้งจะกี่ครั้ง ก็เข้าคูหากาให้พรรคของทักษิณ


การเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ส.ส.อีสาน ทั้งหมด 133 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทย ได้ 73 ที่นั่ง ก็ถือว่ายังรักษาแชมป์อีสานไว้ได้ แต่ไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการมากถึง 120 ที่นั่ง


สส.ที่เอาตัวรอด ฝ่าทั้งกระแสและกระสุนมาได้ ส่วนใหญ่เป็น สส.บ้านใหญ่ในพื้นที่ มีฐานเสียง และได้กระแสอุ๊งอิ๊ง มาช่วยอุ้มระดับหนึ่ง


อย่างเช่น สจ.หมู วิรัช พิมพะนิตย์ ว่าที่ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 ที่โกยแต้มมาได้มาถึง 6 หมื่นคะแนน ก็มาจากการสะสมฐานเสียง สมัยที่เป็นที่ปรึกษา รมว.คมนาคม-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก่อนจะขออนุญาตเสี่ยโอ๋ ย้ายมาสังกัดค่ายทักษิณ


กองกำลัง 73 สส.อีสาน ที่มีพื้นฐานมาจากบ้านใหญ่ จะเป็นตัวแปรในศึกชิงประธาน สภา หรือการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี

 

 

หลายก๊กหลายก๊วน
ว่าที่ สส.อีสาน หรืออดีต สส.ที่สอบตก พรรคเพื่อไทย ได้ข้อสรุปประการหนึ่ง จากการเลือกตั้งครั้งนี้คือ มนต์ขลังทักษิณอ่อนแรง แบรนด์เพื่อไทยได้รับความนิยมลดลง 


กองกำลังว่าที่ สส.อีสาน แบ่งได้ไม่ต่ำกว่า 10 ซุ้ม มีทั้งใหญ่ กลางและเล็ก โดยซุ้มใหญ่ที่สุดคือ ซุ้มโคราช ภายใต้การนำของ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม ซึ่งมีว่าที่ สส.โคราช อยู่ในซุ้ม 12 คน 

 

 

ประเสริฐ จันทรรวงทอง แม่บ้านเพื่อไทย ซุ้มใหญ่ที่สุดในอีสาน

 


หากรวมเสียง สส.อีสานใต้ แถวสุรินทร์ และชัยภูมิ ก็จะทำให้ซุ้มโคราช มีกำลังเพิ่มเป็น 20 คน จึงทำให้ประเสริฐ แม่บ้านเพื่อไทย ค่อนข้างเสียงดังกว่าคนอื่น


ซุ้มอุบลฯ โดย เกรียง กัลป์ตินันท์ เจ้าพ่ออีสานใต้ คงผิดหวังกับผลเลือกตั้ง เพราะสนามอุบลฯ พรรคเพื่อไทย ได้ สส.แค่ 4 คน แถมอำ นาจเจริญ และยโสธร ก็พ่ายยับ แต่ยังโชคดีได้ทีมเพื่อไทยศรีสะเกษ มาเสริมทีมอีก 7 คน


นอกจากนี้ ยังมีซุ้มบ้านใหญ่ในอีกหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น, อุดรฯ, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, ชัยภูมิ, มหาสารคาม, สกลนคร, เลย ฯลฯ 


เหนืออื่นใด สส.ทั้ง 73 คน ล้วนเป็น สส.หน้าเก่า หลายคนอาจเป็น สส. 6-7 สมัย ดังนั้น พวกเขาจึงคุ้นเคยกับเพื่อน สส.ต่างพรรค ที่อยู่ในขั้วรัฐบาลประยุทธ์


อย่าลืมว่า การลงมติโหวตประธานสภา เป็นการประชุมลับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในวันที่เพื่อไทยอีสาน มีหลายซุ้ม และมนต์ทักษิณไม่ขลังเหมือนเดิม
 

 

 

logoline