คอลัมนิสต์

ลุยล้านนา ‘เศรษฐา’ รีแบรนด์เพื่อไทย ฝ่ากระแสพ่อส้ม ‘พิธา’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลูกข้าวนึ่งไม่ขลัง เศรษฐา ลุยรีแบรนด์เพื่อไทย ชวนเจ้าถิ่น ชลน่าน ลงพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ก่อนที่พ่อด้อมส้ม พิธา จะยึดครองล้านนาเบ็ดเสร็จ

ทวงคืนล้านนา เศรษฐา ลุยรีแบรนด์เพื่อไทย ชวน ชลน่าน ลงพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ก่อนที่พ่อด้อมส้ม พิธา จะยึดครองเบ็ดเสร็จ


20 ปีที่แล้ว ทักษิณ ขายแบรนด์ลูกข้าวนึ่ง มัดใจคนเหนือ เริ่มแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย มาถึงวันนี้ หนุ่มทิมมาแรงแซงอ้ายแม้ว
 

สัปดาห์หน้า มีรายงานข่าวว่า เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ไปพบผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกรที่น่าน,แพร่,ลำปาง และเชียงใหม่ รวมเวลา 3 วัน 


ปัจจุบัน เศรษฐา ได้ทุ่มเวลาเต็มที่กับการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย โดยทำงานกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว, ประเสริฐ จันทรรวงทอง, ภูมิธรรม เวชยชัย และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช 


ส่วนสัปดาห์นี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพิ่งภารกิจแอ่วเหนือ ช่วงวันที่ 14-15 มิ.ย. 2566 เพื่อเดินสายขอบคุณชาวลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ 
 

มีข้อน่าสังเกต ด้อมส้มหรือแฟนคลับพรรคก้าวไกลที่มาต้อนรับพิธานั้น ไม่ได้มีแต่คนหนุ่มสาว หากแต่มีคนทุกรุ่นทุกวัย มีทั้งคนในเมืองและคนชนบท


พิธา จบภารกิจแอ่วเหนือที่เวทีปราศรัยสวนสาธารณะเทศบาลตำบลสันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ขอบคุณ 62,000 คะแนนของชาวสันทรายที่มอบให้พรรคก้าวไกล


ผลการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 พรรคก้าวไกล กวาดเก้าอี้ สส.ภาคเหนือตอนบน 14 ที่นั่ง ได้แก่เชียงใหม่ 7 ที่นั่ง, เชียงราย 2 ที่นั่ง, ลำปาง 3 ที่นั่ง และลำพูน 1 ที่นั่ง จากเดิมเมื่อปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ ได้ สส.เชียงราย 2 ที่นั่ง และแพร่ 2 ที่นั่ง

 

 

พิธา ครองใจคนล้านนา แทนทักษิณ ลูกข้าวนึ่งคนเก่า

 

 

สิ้นมนต์ทักษิณ
ตอนที่ ทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ปี 2544 เฉพาะพื้นที่ 8 จังหวัดตอนบน ได้ขายแบรนด์นายกฯลูกข้าวนึ่ง เพราะทักษิณเป็นคน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่


ด้วยความเป็นภูมิภาคนิยม บวกกับการสร้างอัตลักษณ์ว่า พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคของคนเหนือ จึงได้รับชัยชนะยกภาค ในการเลือกตั้งปี 2544, 2548, 2550 และ 2554 


การเลือกตั้งปี 2566 ภาคเหนือตอนบน เพื่อไทยได้ 22 ที่นั่ง แยกเป็นเชียงราย 5 ที่นั่ง ,เชียงใหม่ 2 ที่นั่ง,น่าน 3 ที่นั่ง,แพร่ 3 ที่นั่ง,ลำปาง 1 ที่นั่ง,ลำพูน 1 ที่นั่ง,อุตรดิตถ์ 3 ที่นั่ง และสุโขทัย 4 ที่นั่ง


หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ทักษิณ ได้มาคุยในรายการแคร์ทอล์ค ทำนองตำหนิลูกพรรคเพื่อไทยที่ประมาทเกินไป ในช่วงที่กระแสพรรคมาแรง เพราะชูอุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ


“เห็นกระแสดีก็เหลิง คิดว่าอย่างไรพรรคก็ชนะ ทำงานไม่เข้มข้น มันเลยออกมาเป็นอย่างนี้...หลายคนที่สอบตก มีประวัติไม่ลงพื้นที่” ทักษิณ มองข้อผิดพลาดมาจากลูกพรรค แต่ไม่ได้มองที่ตัวเองว่า คนเหนือไม่ยึดติดแบรนด์ลูกข้าวนึ่งอีกแล้ว

 

 

รีแบรนด์แบบไหน
เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ดูจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่คิดเรื่องเกมการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อเพื่อไทยแพ้ ก็สนับพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


สัปดาห์หน้า เศรษฐา และแกนนำเพื่อไทย เตรียมลงพื้นที่พบผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ที่มีตัวแทน สส.หรือว่าที่ สส.เพื่อไทย เพื่อสอบถามความต้องการ โดยอาจจะไปที่ จ.น่าน เพื่อดูการปลูกพืชท้องถิ่นเช่น กาแฟ โกโก้ รวมถึงไป จ.แพร่ จ.ลำปาง และ จ.เชียงใหม่


เศรษฐา ยืนยันว่า การลงพื้นที่เป็นการทำงานเพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งใน 4 ปีข้างหน้า ให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง


ทักษิณเคยพูดว่า แม้เพื่อไทยมีสินค้าดีคือ นโยบายดี แต่กลับไม่มีเซลล์ที่นำสินค้าไปขายต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่างจากเซลล์พรรคก้าวไกล ที่เป็นเซลล์ธรรมชาติ ขายของได้ ทั้งที่ยังไม่เข้าใจสินค้าเลย


เซลล์ธรรมชาติหรือหัวคะแนนออร์แกนิกของก้าวไกลนั้น ใช้แอปพลิเคชั่นคือ ติ๊กต็อก และไลน์ เป็นเครื่องมือหาเสียง โดยกลุ่มผู้สูงอายุก็ใช้ไลน์ และวัยรุ่นในชนบทใช้ติ๊กต็อก


มีเรื่องเล่าในกลุ่มคนแถวลำพูน และลำปางว่า ลูกกลับบ้านไปบอกพ่อแม่ กดติดตามช่องติ๊กต็อกให้ ส่งข่าวในไลน์ให้ จนทำให้พรรคก้าวไกลล้มบ้านใหญ่เพื่อไทยได้


ดังนั้น เศรษฐาและแกนนำเพื่อไทย ต้องสรุปบทเรียนความปราชัยให้ถูก มิเช่นนั้น จะเหนื่อยเปล่า หากแค่ลงไปพบชาวบ้านแล้วก็กลับกรุงเทพฯ
    
 

 

logoline