กลเกมอำนาจ ‘ประยุทธ์’ ส่อถอย ‘นักเลือกตั้ง’ รวมขั้วขวางสีส้ม

เกมอำนาจพลิกผัน ประยุทธ์ สงบนิ่ง หลุดวลีไม่มีขั้ว เหมือนพร้อมจะถอย กกต.เร่งรับรอง สส. ร้อยละ 95 เปิดรูระบายลดความขัดแย้งนอกสภา

จับตาวันที่ สส.เข้าสภา ความแตกต่างระหว่างนักเลือกตั้ง กับ สส.สีส้ม จะเห็นชัด ยิ่งมีข่าวพิธา ถึงทางตันแน่ๆ ก็ได้กลิ่นงูเห่าฝ่ายประชาธิปไตย
 

วันที่ 13 มิ.ย.2566  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับกรณีทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะกลับประเทศไทยก่อนวันเกิด(26 ก.ค.66) ว่า ตนจะไปคุยเรื่องอะไร ตนควรจะไปยุ่งกับเขาไหมล่ะ

“ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ยินดีด้วยซ้ำ ถ้าจะมีรัฐบาลใหม่ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดมันก็ดีใช่ไหมล่ะ เพราะต่างประเทศรอดูตรงนี้อยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นักข่าวยิงคำถามว่า คิดว่าถึงเวลาที่ต้องสลายขั้วชินวัตรกับขั้วอื่นๆ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินหนีแล้วพูดสั้นๆว่า “ไม่มีขั้วอะไรทั้งนั้น เราไปสร้างขั้วกันเอง”

เหตุที่นักข่าวต้องถามนำเรื่องสลายขั้วชินวัตร กับขั้วรัฐบาลเดิม เพราะก่อนหน้านี้ มีข่าวนายห้างดูไบจะกลับบ้าน พร้อมกับข่าวดีลลับสลายขั้ว 

อีกด้านหนึ่ง กกต.มีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน และจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้จำนวน 330 เขต ส่วนที่เหลือนั้น สำนักงาน กกต.จะดำเนินการให้ครบร้อยละ 95 

อย่างไรก็ตาม การประกาศรับรอง สส.ทั้งร้อยละ 95 จะมีการประกาศรายชื่อทั้งหมดในวันที่ 28 มิ.ย.2566 ซึ่งเป็นวันเดียวกับ ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี จะพ้นจากตำแหน่ง กกต. เนื่อง จากอายุครบ 70 ปี

 

 

ขั้วนักเลือกตั้ง
ฟากอนุรักษนิยมประเมินว่า พิธา จะไม่ผ่านด่าน สว. และ ประยุทธ์ ก็จะถอยออกจากกระดานอำนาจ แต่พี่ใหญ่ ประวิตร จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเกมนับจากนี้ไป

เมื่อ กกต.รับรอง สส.ทั้ง 2 ระบบ ครบร้อยละ 95 จากทั้ง 500 คน ก็จะถึงรัฐพิธีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ 

ว่ากันตามตรง การแบ่งขั้วฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายเผด็จการ เป็นมายาการเมือง แต่ในความเป็นจริง สภาชุดใหม่ จะแยกออกเป็น 2 ขั้วคือ ขั้ว สส.สีส้ม กับขั้วนักเลือกตั้ง ที่มาจากการเมืองเก่า

ขั้วนักเลือกตั้ง จะประกอบด้วย สส.เพื่อไทย, ภูมิใจไทย, พลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, ไทยสร้างไทย, ชาติไทยพัฒนา ฯลฯ

เฉพาะขั้วนักเลือกตั้ง ที่มาจากสายพันธุ์เดียวกันคือ ไทยรักไทยในอดีต ก็ได้แก่ สส.เพื่อไทย, ไทยสร้างไทย, พลังประชารัฐ, ภูมิใจไทย และประชาชาติ

ดังนั้น สารพัดดีลลับ ที่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็มาจากนักเลือกตั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันได้มีการพบปะพูดคุยกัน 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิสูจน์แล้วในการทำพรรครวมไทยสร้างชาติว่า น้องเล็กทหารเสือราชินีคนนี้ ไม่เหมาะแก่การบริหารนักเลือกตั้ง ต่างจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นมือประสานสิบทิศ

 

 

ได้กลิ่นงูเห่า
วันก่อน ไพศาล พืชมงคล อดีตมือทำงานของ พล.อ.ประวิตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์การเมืองว่า “...นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ถ้าไม่ใช่พิธา ก็อาจเป็นลุงป้อม ให้ดูจากการเลือกประธานสภา...ถ้าก้าวไกลรวมเสียงได้เกิน 376 ประธานจะเป็นคนของก้าวไกล แต่ถ้ารวมเสียงไม่ได้ สุชาติ ตันเจริญ จะเป็นประธาน นายกรัฐมนตรีจะเป็นลุงป้อม”

ดังนั้น เกมเลือกประธานสภา และประธานรัฐสภา จึงเป็นจะเกมวัดกำลังยกแรก ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย 8 พรรค กับฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิม 

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองอีสาน เปิดเผยว่า เกมเลือกประธานสภา อาจมีงูเห่าฝ่ายประชาธิปไตยประมาณ 40 คน เคลื่อนไหวไปรวมตัวกับฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิมหนุนว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อ ระดับบ้านใหญ่ เป็นประธานสภา 

สส.ฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากพรรคใหญ่กลุ่มนั้น พวกเขาไม่พอใจการบริหารจัดการภายในพรรคช่วงเลือกตั้ง และแบรนด์เก่าตกต่ำ ถึงจะรีแบรนด์อย่างไร ก็ไปต่อยาก จึงไม่แคร์หากจะต้องย้ายพรรคในสมัยหน้า

วลีที่ว่า ไม่มีขั้วนะจ๊ะ ที่หลุดจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ อาจตีความแบบการเมืองเก่า ได้เวลาปรองดองกันชั่วคราวแล้ว