คอลัมนิสต์

อีสานเปลี่ยน ‘ทักษิณ’ สิ้นมนต์ ‘พิธา’ มากับกระแสส้มฮักพ่อ

อีสานเปลี่ยน ‘ทักษิณ’ สิ้นมนต์ ‘พิธา’ มากับกระแสส้มฮักพ่อ

08 พ.ค. 2566

ตรวจแนวรบอีสาน ทักษิณ สิ้นมนต์แล้วหรือ พิธา ในปรากฏการณ์ส้มฮักพ่อ ก่อตัวทุกหมู่บ้านห่างไกล แต่ไม่ไร้สัญญาณเน็ต ด้อมส้มรากหญ้ามาแทนเสื้อแดง

อีสานยุคเปลี่ยนผ่าน ทักษิณ สิ้นมนต์แล้วหรือ พิธา ในปรากฏการณ์ส้มฮักพ่อ ก่อตัวทุกหมู่บ้าน เสื้อแดงสลายกลายเป็นเสื้อส้ม

 

นับแต่ไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย ทักษิณ ครองใจคนอีสานมานานกว่า 20 ปี กระทั่งเลือกตั้ง 66 กระแสส้มฮักพ่อ ก็มาแทนคนแดนไกล

 

หมู่บ้านริมโขง ละแวก อ.เขมราฐ อ.ศรีเมืองใหม่ และ อ.โขงเจียม แทบไม่น่าเชื่อว่า จะมีชาวบ้านพูดถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มากขึ้น ซึ่งผู้อาวุโสจะได้รับฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล มาจากลูกหลานมาอีกทอดหนึ่ง

 

ด้อมส้มรากหญ้ารับข่าวสารเกี่ยวพรรคก้าวไกล ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok  เฟซบุ๊ก และยูทูป ทำให้นึกถึงการเลือกตั้งปี 2550 กระแสพาพ่อใหญ่ทักษิณกลับบ้าน ก็มาจากโฆษกวิทยุชุมชน และการแจกแผ่นซีดีหมอลำล่องคิดฮอดทักษิณ 

 

ไม่น่าแปลกใจ เมื่อคาราวานก้าวไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ สายที่นำโดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาจอดป้ายเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณศาลหลักเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จะมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยครั้งนี้มากกว่า 8 พันคน

 

ปรากฏการณ์ส้มฮักพ่อ กล่าวเฉพาะเขต 1 อุบลราชธานี ครูอ๊อฟ หรือ วิศรุต สวัสดิ์วร ผู้สมัคร สส.อุบลฯ พรรคก้าวไกล ได้รับความสนใจและกลายเป็นตัวเต็งอีกคนหนึ่งในสนามนี้

 

หรือเขต 7 อ.ศรีเมืองใหม่ อ.โขงเจียม สหายเขียว หรือ ภานุภพ ยุตกิจ ผู้สมัคร สส.อุบลฯ พรรคก้าวไกล ก็ทำให้ตัวเต็งจากพรรคเพื่อไทย ออกอาการหนาวๆร้อนๆ 

 

ครูอ๊อฟ ผู้สมัคร สส.อุบลฯ เขต 1 พรรคก้าวไกล

 

 

การเมืองเก่า

 

ภายใต้กติกาเลือกตั้งใหม่ปี 2544 ทักษิณ ชินวัตร เล่นการเมือง 2 ขาคือ สร้างแบรนด์ทักษิณ ปั้นนักการเมืองรุ่นใหม่ อีกขาหนึ่งก็กวาดต้อนอดีต สส.บ้านใหญ่ เข้ามาร่วมชายคาพรรคไทยรักไทย  

 

แม้พรรคไทยรักไทย จะมีลักษณะก้าวหน้าในเชิงนโยบาย อาทิเช่น 30 บาทรักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้าน แต่แนวคิดอุดมการณ์ของสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในปีกอนุรักษ์นิยม

 

อย่างเช่น เกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต สส.อุบลฯ หลายสมัย แกนนำเพื่อไทย ที่ถูกเรียกขานว่า บ้านใหญ่เมืองอุบลฯ และมีความภักดีต่อตระกูลชินวัตร 

 

ก่อนหน้านี้ เกรียง แม่ทัพค่ายสีแดง มั่นอกมั่นใจสุดๆ ว่า กระแสอุ๊งอิ๊ง นายกฯหญิงคนที่ 2 จุดติดแล้ว แต่มาถึงชั่วโมงนี้ ก็หวั่นไหวในกระแสส้มฮักพ่อ

 

เนื่องจากเขตเลือกตั้งที่  1 (อ.เมืองอุบลราชธานี) วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ อดีต สส.อุบลฯ ลูกชายเกรียง ต้องแข่งกับครูอ๊อฟ-วิศรุต สวัสดิ์วร พรรคก้าวไกล 

 

เลือกตั้งสมัยที่แล้ว วรสิทธิ์ ได้ 38,660 คะแนน ส่วนผู้สมัคร สส.หน้าใหม่ ไร้ฐานเสียงจากพรรคอนาคตใหม่ ได้ 26,456 คะแนน ซึ่งปีนี้ ครูอ๊อฟเพิ่งลงสนามหนแรกแต่ก็ทำงานในพื้นที่มานาน จึงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคเพื่อไทย

 

 

 

การเมืองใหม่

 

สองปีก่อน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปปราศรัยอ้อนชาวบ้านที่กาฬสินธุ์ว่า “การจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยต้องชนะใจคนอีสาน หากไม่สามารถชนะใจคนอีสานก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้” ตอนนั้น หลายคนอาจมองว่า หนุ่มทิม พิธา พูดจาเพ้อเจ้อ

 

ในมิติทางการเมือง คนอีสาน มีพลังต่อการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น จนถึงยุคประชาธิปไตยแบบไทย เนื่องจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสัดส่วนประชากรคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ

 

บนถนนสายเลือกตั้ง คนอีสานปั้นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 คนคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และทักษิณ ชินวัตร

 

พรรคเพื่อไทยพยายามปั้นกระแสนายกฯหญิงคนที่ 2 อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร แต่โค้งสุดท้าย ชื่อพิธา แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล กลับมาแรงในทั่วทุกภาค 

 

รูปธรรมแห่งด้อมส้มรากหญ้าที่อุบลฯ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า กระแสก้าวไกล ไม่ได้จำกัดแค่หัวเมืองใหญ่ หากแต่ทะลุไปถึงหมู่บ้านที่ห่างไกล แต่ไม่ไร้สัญญาณอินเตอร์เน็ต

 

ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มนักศึกษา หากแต่วัยรุ่นรากหญ้า ก็พร้อมจะเป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้พรรคสีส้ม