คอลัมนิสต์

ถอดรหัส ‘ประวิตร’ โซ่ข้อกลางสิงร่าง ‘ชวลิต’ ภาคใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ส่องเนื้อในจดหมาย 'ประวิตร' ไม่ต่างจากวาทกรรมโซ่ข้อกลางของ 'ชวลิต' ยุคเหลืองแดง บิ๊กป้อมพร้อมปิดฉากศูนย์อำนาจ 3 ป. และถอดเสื้อบูรพาพยัคฆ์ทิ้ง

 

 

ส่องเนื้อในจดหมาย ประวิตร ชูก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ต่างจากโซ่ข้อกลาง ของ ชวลิต ที่ต้องการสร้างความปรองดอง หลังเหตุการณ์พฤษภา 53

แท้จริงแล้ว ประวิตร ต่างจาก ชวลิต เพราะบิ๊กป้อม มีส่วนในการฟูมฟักอำนาจพิเศษ ในนามพี่น้อง 3 ป. ส่วนบิ๊กจิ๋ว ทิ้งเก้าอี้ ผบ.ทบ.มาตั้งพรรคการเมือง

 

วันที่ 8 มี.ค.2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เผยแพร่จดหมายเปิดใจฉบับที่ 5 ประเด็นเรื่อง ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย ซึ่งเนื้อหายาวไม่ต่างจาก 4 ฉบับก่อนหน้านั้น

สรุปนั้น สิ่งที่ทีมงาน พล.อ.ประวิตร ต้องการนำเสนอผ่านจดหมายเปิดใจ เพื่ออธิบายว่า ตนเองกำลังก้าวออกจากศูนย์อำนาจ 3 ป. เพราะรู้ว่า ฝ่ายอำนาจนิยม ไม่มีทางชนะฝ่ายประชาธิปไตย

จากนี้ไป พล.อ.ประวิตร จะถอดเสื้อบูรพาพยัคฆ์ทิ้ง และก้าวข้ามความขัดแย้ง สลายขั้วสี และจัดตั้งรัฐบาลปรองดอง

 

วาทกรรมก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ต่างจากวาทกรรมโซ่ข้อกลาง ที่นำเสนอโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ที่มีความขัดแย้งเรื่องเหลือง-แดง

พูดง่ายๆ บิ๊กป้อมพร้อมจะเป็นคนกลาง ดึงพรรคเพื่อไทยมาจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เหมือนบิ๊กจิ๋ว เสนอชื่อนายกฯคนกลาง เพื่อให้เกิดรัฐบาลปรองดอง

 

 

 

คนพวกเยอะ

 

ประวิตร มีบุคลิกใกล้เคียงกับ ชวลิต คือ ปากหวาน ใจดีมีพวกเยอะ เป็นมือประสานสิบทิศ เหมาะสมกับระบอบการเมืองอุปถัมภ์แบบไทยๆ

พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ.แค่ปีเดียว ซึ่งผู้ที่ผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สมัยรัฐบาลไทยรักไทยนั้นคือ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รัฐมนตรีกลาโหมสมัยนั้น และได้รับไฟเขียวจากบ้านจันทร์ส่องหล้า

 

สมัยที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กองทัพกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีนักวิชาการบางกลุ่มเรียกทหารยุคทักษิณ เป็นทหารพาณิชย์ และทักษิณจะแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ให้แต่ละคน อยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว

หลังเกษียณอายุ พล.อ.ประวิตร ได้ปั้นมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีสำนักงานอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) รายชื่อคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีทั้งนายทหาร ข้าราชการ และพ่อค้า

 

บ้านป่ารอยต่อฯ กลายเป็นบูรพาพยัคฆ์คอนเนกชั่น และเซ็นต์คาเบรียลคอนเนกชั่น โดยเกี่ยวพันการเมืองไทย มาแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จนมาถึงรัฐบาลประยุทธ์ยุค คสช. และรัฐบาลประยุทธ์ ยุคเลือกตั้ง

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขณะติดยศ ร้อยตรี

ด้วยบุคลิกสุภาพบุรุษนักเลง ใจถึงพึ่งได้ บิ๊กป้อมและบ้านป่ารอยต่อฯ จึงกลายเป็นศูนย์รวมนักเลือกตั้งทุกสายพันธุ์

 

 

มรดกสงครามเย็น

 

ชวลิต ต่างจาก ประวิตร ในเรื่องประชาธิปไตย เพราะบิ๊กจิ๋ว ได้รับอิทธิพลความคิดลัทธิประชาธิปไตยของ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เชื่อว่า ประชาธิปไตยเอาชนะเผด็จการได้ทุกรูปแบบ รวมถึงเผด็จการคอมมิวนิสต์

ปี 2533 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตามที่เคยกล่าวไว้จะลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ และลงเล่นการเมืองในนามพรรคความหวังใหม่

 

พล.อ.ชวลิต ประกาศจุดยืน 3 ข้อ ในการดำเนินงานทางการเมืองคือ ทำลายวงจรอุบาทว์ทางการเมืองให้หมดสิ้น สร้างประชาธิปไตยให้เกิดโดยเร็วและในเวลาอันสั้น และผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งโดยทันที

ในวันที่ประชาชนลุกฮือคัดค้านการสืบทอดอำนาจของ รสช. และการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร บิ๊กจิ๋วจึงกระโจนเข้าร่วมปลุกม็อบพฤษภาคม 35

 

ตัดมาที่เหตุการณ์พฤษภาคม 53 ท่ามกลางวิกฤตเหลืองแดง พล.อ.ชวลิต อาสาเป็นโซ่ข้อกลาง เพื่อการปรองดอง ที่ไม่ใช่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็นรัฐบาลเฉพาะกาล

วันนี้ พล.อ.ประวิตร เสนอตัวนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยหวังให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากทุกขั้วสี ที่มีบิ๊กป้อมเป็นนายกรัฐมนตรี

 

ถ้อยวลีเสรีนิยม, อำนาจนิยม ,อำนาจพิเศษ, ประชาธิปไตย, อีลิท ฯลฯ ที่ปรากฏในจดหมายเปิดใจของบิ๊กป้อม ก็คือ กลยุทธ์หาเสียงชั้นเดียวเชิงเดียว

พล.อ.ประวิตร มิอาจลบล้างภาพอดีต ที่อยู่เบื้องหลังการปั้นน้อง 2 คน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก้าวขึ้นสู่ผู้นำกองทัพบกไปได้

จดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร เรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงเป็นการเอาตัวเองออกจากวงจรอำนาจเดิมที่ส่อเค้าว่า จะไปไม่รอด และวาระสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ใกล้มาถึงแล้ว

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ