วาทะกรรมสลายขั้วจัดตั้ง 'รัฐบาลพิเศษ' ของ 'เพื่อไทย' ที่ยอมผสมพันธุ์กับ 2 ลุง หวังเสียงสนับสนุนจากพรรคต่างๆ ให้ได้ 314 เสียง ในการค้ำบัลลังก์รัฐบาล ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น 'เพื่อไทยการละคร' ที่อ้างความสมานฉันท์ และสลายสีเสื้อ แต่ไม่รับฟังเสียงประชาชน
การจัดตั้ง "รัฐบาลพิเศษ" ที่ 'เพื่อไทย' เป็นแกนนำเริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น แต่เป็นแค่ความจริงผ่านบทละครที่ถูกวางสตอรีดราม่ารายวัน จนถูกแซะว่าเป็น "เพื่อไทยการละคร" เนื่องจากแกนนำหลักของพรรคตั้งแต่ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร เศรษฐา ทวีสิน ภูมิธรรม เวชยชัย และแกนนำคนอื่นๆ ต่างสวมบทนักแสดงจนลืมไปว่าเคยสัญญาอะไรไว้ในช่วงการเลือกตั้ง
การไม่มีจุดยืนอย่างมั่นคงทำให้การจับมือกับพรรคอันดับ 1 อย่าง "ก้าวไกล" เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเป็นอันต้องล้มพับในระยะเวลาอันสั้น กระทั่ง "เพื่อไทย" ในฐานะพรรคอันสองที่ต้องรับไม้ต่อตั้งรัฐบาล ลงมือฉีก MOU 8 พรรคร่วม และหันไปผสมพันธุ์ข้ามขั้วกับบรรดาพรรคฝั่งอนุรักษ์นิยม
แคมเปญ "มีเราไม่มีลุง" ของพรรคก้าวไกลที่ถูกงัดมาใช้หาเสียงโค้งสุดท้าย และสามารถดับฝันแลนด์สไลด์เพื่อไทยจนประสบชัยชนะมากว่า 14 ล้านเสียง ตอกย้ำว่าโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ต้องไม่มีลุง เพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ซึ่งไม่ว่า อุ๊งอิ๊ง หรือเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ต่างก็เห็นพ้องจะสานฝันการฟื้นฟูประชาธิปไตย
คำกล่าวของ "อุ๊งอิ๊ง" ระหว่างปราศรัยหาเสียงยังดังก้องหู "...พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลประเทศไทยเปลี่ยนทันที ปิดสวิตช์ สว. และปิดสวิตซ์ 3 ป คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีไปพร้อมๆ กัน" แต่เมื่อเริ่มต้นจับมือตั้งรัฐบาลเพื่อหนุน "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นายกฯ แกนนำ "เพื่อไทย" ยกพรรคก็ออกลายเล่นเกมอย่างเนื่อง กระทั่งปล่อยมือตัดสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนจากก้าวไกล
โจทย์การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยไม่ง่าย โดยเฉพาะการมี สว.ยืนขวางอยู่ถึง 250 เสียง ทำให้เพื่อไทยเจอทางตัน ยอมกลืนน้ำลายไม่รักษาคำสัญญาที่เคยประกาศไว้ จึงเริ่มเล่นเกมการเมืองด้วยการสร้างวาทะกรรมอำพราง ไม่ว่า เร่งแก้ปัญหาปากท้อง เร่งให้ประเทศต้องเดินหน้า กระทั่งเปลือยตัวตนให้เห็น "นักประชาธิปไตยจอมปลอม" อย่างล่อนจ้อน
ล่าสุดแกนนำเพื่อไทยคิดใหม่ได้คำว่า "รัฐบาลพิเศษ" เป็นข้ออ้างซึ่งก็เป็นวาทะกรรมซ้ำๆ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการสลายขั้วทางการเมือง ยอมละทิ้งจุดยืนโดยเตรียมดึงพรรครวมไทยสร้างชาติที่มี "บิ๊กตู่" - ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำพรรค ซึ่งรู้ๆ กันดีว่า "บิ๊กตู่" คือหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อปี 2557 จนต้องระหกระเหินออกนอกประเทศอยู่กับ "ทักษิณ" ที่ดูไบ
ขณะเดียวกันก็มีข่าวทาบทามพรรคพลังประชารัฐของ "ลุงป้อม" รุ่นพี่กลุ่ม 3 ป นายทหารกลุ่มบูรพาพยัคฆ์เข้าร่วมรัฐบาล บิ๊กป้อมคือหนึ่งใน 3 ป ที่ให้การสนับสนุนอีก 2 ป ตั้งไข่รัฐบาล คสช.หลังยึดอำนาจ
ลุงป้อมคนเดียวกันนี้ คือตัวตั้งตัวตีก่อตั้งพลังประชารัฐ พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรวบรวมเสียงช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2562 จากเพื่อไทยที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งสถานการณ์นั้นสร้างรอยแค้นให้ "เพื่อไทย" ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านรัฐบาลประยุทธ์มายาวนานถึง 9 ปี
หากกล่าวให้เห็นภาพใหญ่ การดึงขั้วรัฐบาลเดิมซึ่งเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาร่วมตั้ง "รัฐบาลพิเศษ" ทำให้ภาพลักษณ์ "เพื่อไทย" ตกต่ำและเสื่อมทรุดภาพการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพราะเท่ากับยื่นมือให้กลุ่มเผด็จทหารได้สืบทอดอำนาจต่อไป เป็นการทำลายศรัทธาของมวลชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ถูกรัฐประหารถึงสองรอบ และยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการทหารลงไม่เหลือชิ้นดี
เท่ากับว่า "พรรค 2 ลุง" ที่เสมือนเป็นสาแหรกของคณะรัฐประหาร จึงได้ใบอนุญาตต่อลมหายใจการสืบทอดอำนาจจาก "เพื่อไทย" โดยที่แกนนำ"เพื่อไทย" ยอมกลืนเลือดและลบรอยแค้นในอดีตทิ้งอย่างไม่ลังเลใจ ไม่ต่างจาก "ภูมิใจไทย" พรรคการเมืองที่ "เนวิน" เคยหักหลัง "ทักษิณ" หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ โดยไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลอภิทธิ์ในค่ายทหาร
บาดแผลและรอยแค้นทางการเมืองในอดีตจึงถูกคนเพื่อไทยด้วยกันเองสร้างวาทะกรรมกลบเกลื่อน โดยมีคำอธิบายอย่างสวยหรูว่านี่คือ การสลายขั้วทางการเมือง สลายสีเสื้อแห่งความขัดแย้งตลอด 17 ปีที่แล้ว ประหนึ่งว่า เพื่อไทยและพรรคร่วมทั้งหมดกำลังจะเป็นความหวังแห่งความสมานฉันท์ที่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ ในนาม "รัฐบาลพิเศษ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง