คอลัมนิสต์

การจัดตั้งรัฐบาล ไม่มี 'สุภาพบุรุษทางการเมือง' ลุย 'ตระบัดสัตย์' แลกอำนาจ?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ อาจคลายความคลุมเครือลงได้ระดับหนึ่ง หาก 'เศรษฐา ทวีสิน' ได้เสียงโหวตม้วนเดียวจบขึ้นนั่งนายกฯ คนที่ 30 สำเร็จ เว้นแต่ดีลรัฐบาลสลับขั้วไม่ลงตัว ซึ่ง 'การจัดตั้งรัฐบาล' ไม่มี 'สุภาพบุรุษทางการเมือง' ทว่าพร้อม 'ตระบัดสัตย์' ได้ทุกเมื่อ

 

หากสถานการณ์ทางการเมืองบีบรัดให้รัฐบาลสลับขั้วติดเดดล็อก อาจทำให้ "เพื่อไทย" วืดเก้าอี้ผู้นำ และตอกย้ำว่าภายใต้คติไม่มีมิตรแท้และศรัตรูถาวร ย่อมไม่มี "สุภาพบุรุษทางการเมือง" ทว่าพร้อม "ตระบัดสัตย์" (เพื่อชาติ) ให้ได้มาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์

 

 

หากเพื่อไทยเจอทางตัน และประตูอ้าให้พรรคฝั่งอนุรักษ์นิยมเข้าสู่เกมแข่งชิงนายกฯ ไม่ต่างจากวิบากกรรมที่ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ขวัญใจมวลชนด้อมส้มที่พ่ายโหวตนายกฯ รอบแรก รวมถึงรอบ 2 ที่การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ กลายเป็นญัตติ กระทั่งถูกศาลรัฐธรรมนูญชักใบแดงคดีหุ้นไอทีวี และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หากเกมมาถึงทางนี้อาจทำให้ "การจัดตั้งรัฐบาล" ยืดเยื้อออกไปอีก

 

การโหวตนายกฯ รอบ 3 เที่ยวนี้อยู่ในจุดที่ "ก้าวไกล" ยอมถอยให้ "เพื่อไทย" เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ดูเหมือนคำสัญญาระหว่างเพื่อนในนาม 8 พรรคที่จับมือกันหลังเลือกตั้งจะเข้าสู่จุดแตกหัก ด้วย "เพื่อไทย" กดดันเงื่อนไข "มีลุงไม่มีก้าวไกล" ตามข้อเสนอพรรคขั้วเดิม และจะตัดสินใจปล่อยมือ "ก้าวไกล" ก่อนวันที่ 4 ส.ค.นี้

 

 

จะเห็นได้ว่าหลังจาก "พิธา" ไม่ได้ไปต่อ สถานการณ์ "การจัดตั้งรัฐบาล" ล้วนเป็นเรื่องการต่อรองตำแหน่งและการเดินทางกลับประเทศของ "ทักษิณ" ที่กลายเป็นวาระหลักของประเทศ และแทบมองไม่เห็น "สุภาพบุรุษทางการเมือง" ที่ควรเป็นแบบอย่างของนักการเมืองน้ำดีที่อาสานำประเทศออกจากหล่ม

 

 

นายกฯ คนที่ 30 ในฐานะผู้นำประเทศ นอกจากพรรคที่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ต้องอ้อนวอนขอเสียงจาก สว. แล้ว เวลานี้ยังต้องคอยเงี่ยหูฟังคำทำนายจากหมอดู เนื่องจาก "เพื่อไทย" เล่นสับขาหลอกออกอาการไม่เข้าใจคำว่า "สุภาพบุรุษทางการเมือง" จนถูกโจมตีละทิ้งอุดมการณ์การต่อสู้ของกระบวนการ นปช.และคนเสื้อแดง เพราะโน้มเอียงจะจูบปากกับพรรคลุง พร้อมๆ กับสร้างสตอรี่เรื่องเศรษฐกิจและปากท้องรายวันเพื่อกลบเกลื่อนข้อครหา "ตระบัดสัตย์" (ไม่เอาลุงก่อนเลือกตั้ง) 

 

 

การจัดตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้กลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ยากจะยอมรับได้ นักการเมืองได้เปลือยพฤติกรรมออกมาอย่างล้อนจ่อน การ "ตระบัดสัตย์" ไม่ควรเป็นแบบอย่างวัฒนธรรมการเมืองที่ดี ทว่าประโยคสั้นๆ นี้นักการเมืองแปลความกันไม่ออก พูดอย่างทำอย่าง รับปากจะทำอย่าง แต่บิดพลิ้วไปทำอีกอย่าง โดยไม่แยแสประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่พากันไปหย่อนบัตรหวังได้นักการเมืองน้ำดีมาเปลี่ยนประเทศ

 

 

กลไกรัฐธรรมนูญที่วางสนุ๊กให้ สว.เป็นอุปสรรคขัดขวางการเลือกผู้นำประเทศ แทนที่พรรคการเมืองทั้งหลายจะพร้อมกันใจเสนอแก้ไขมาตรา 272 กลายเป็นว่าพรรคการเมืองซึ่งถูกรัฐประหารมาถึงสองรอบและผู้นำพรรคต้องระหกระเหินออกนอกประเทศ กลับไปต่อรองจูบปากพรรคทหารจำแลง เลือกการ "ตระบัดสัตย์" เอาลุงไม่เอาเพื่อน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ต้องสังเวยชีวิตเลือดเนื้อประชาชนนั้น... เป็นแค่ละครน้ำเน่า 

 

 

พวกเขาเลือกเก็บคำว่า "นักประชาธิปไตย" ไว้ในลิ้นชัก ไม่ลังเลที่จะยึดมั่นสัจจะธรรม "ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร" มุ่งคว้าอำนาจและต่อรองผลประโยชน์เพื่อตัวเอง เผยทาสแท้ "นักเลือกตั้ง" ที่ไม่เห็นหัวประชาชน สับขาหลอกท่องคาถา "ทักษิณกลับบ้าน",  "เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล" พร้อมฉีก MOU ปล่อยมือเพื่อนร่วมทาง และร้องเพลง "ทางใครทางมัน" อย่างอารมณ์ดี

 

 

ปรากฎการณ์นี้กลายตลกร้ายที่ต้องบันทึกไว้ว่า พรรคที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 1 ไม่ใช่ฉันทานุมัติจากประชาชน ทว่าเป็นการใช้เล่ห์เพทุบายของนักประชาธิปไตยจอมปลอมที่กระสันในอำนาจ หิวโหยในผลประโยชน์ "การจัดตั้งรัฐบาล" จึงฝุ่นตะหลบ สับสนอลหม่าน และอยู่บนฐานการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี มีงูเหง่าเวอร์ชันเก่าย้อนมาหลอกหลอนคนบางคนในฤดูกาลนี้อย่างอัศจรรย์ 

 

 

ฉะนั้นประชาชนอย่าถามหา "สุภาพบุรุษทางการเมือง" โดยเฉพาะจากพรรคที่ใช้ Money Politics แสวงโอกาสจากการเลือกตั้ง พวกเขาไม่ยี่หระต่อคำปรามาสหรือคำหยามเยียดต่อพฤติกรรมที่แล้วๆ มา เพราะยึดหลัก "ด้านได้อายอด" พฤติกรรมโกงกินฉาวโฉ่ในอดีตจนปัจจุบันที่แปดเปื้อนเหล่านั้นไม่เคยทำอะไรคนพรรค์นี้ได้

 

 

ก่อนและหลังจากได้นายกฯ คนที่ 30 สังคมการเมืองไทยจึงเดินมาถึงจุดที่นักการเมืองใช้คำว่า "ประชาธิปไตย" อย่างฟุ่มเฟือย สะกดคำว่า "สุภาพบุรุษทางการเมือง" และ "ตระบัดสัตย์"  ไม่ค่อยเป็น แต่ยึดมั่นวาทกรรม "ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร" ทว่าพวกเขาอาจเข้าใจผิดว่าบริบทการเมืองหลังเลือกตั้ง "โง่ จน เจ็บ" ซ้ำๆ ซากๆ นั้นอาจไม่ใช่สัจจะธรรมที่ประชาชนต้องทนแบกรับอีกต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ