คอลัมนิสต์

ภาระกิจท้าทาย พล.อ.ประยุทธ์ หลังรอดบ่วง ศาลรัฐธรรมนูญ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พล.อ. ประยุทธ์ ยังไม่พ้นวิกฤติ หลังรอดจากศาลรัฐธรรมนูญ ยังมี สี่ภาระกิจ สำคัญ ในฐานะผู้นำรัฐบาลรอ การตัดสินใจอยู่

หลัง"ศาลรัฐธรรมนูญ" ตัดสินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยังอยู่ในตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี โดยเริ่มนับตั้งแค่วันที่ 6 เมษายน  2560  ซึ่งเป็น วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อถึงปี 68 เ  ดินทางกลับเข้าทำเนียบ  ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้


      

ภาระกิจนายกรัฐมนตรี  เริ่มต้นในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม เข้าทำเนียบให้บรรดาเอกอัคราชทูต  ทูตที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใหม่เข้าพบ วันอังคารก็จะทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ และวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมจากฤทธิ์ของพายุโนรู  ที่จังหวัดอุบลราชธานี

 

แต่หลังจากนี้ยังมีภารกิจที่ต้องตัดสินใจทันทีอีก 4 เรื่องที่รออยู่


      -ภารกิจแรกคือการตัดสินใจว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่างอยู่หรือไม่ 4 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์  ที่ลาออกไปสู้คดีในชั้นศาลกับ ป.ป.ช.ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายงบให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประมูลรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทางของ อบจ.สงขลา สมัยเป็นนายกฯอบจ.สงขลา  ด้วยเหตุผลว่า  พบมีการฮั้วประมูล

แทนตำแหน่งของกนกวรรณ วิลาวัลย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา หลังศาลประทับรับฟ้องคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่ ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย มีคดีตัวอย่างที่ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐโดนมาแล้ว ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย
      ปรับแทนตำแหน่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์กลางสภา แต่แผนรั่วเสียก่อน จึงถูกเตะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี


      ปรับแทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม ร.อ.ธรรมนัส จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์เช่นกัน

 


       ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และ ดร.นฤมล เป็นเด็กในคาถาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหลังจากถูกปลดก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมาแทน แต่ในสถานการณ์ใกล้เลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง จึงน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็ววัน เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็จะหมดวาระลงพร้อมวาระของสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566


      -ภารกิจที่สองคือการเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมเอเปกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่สำคัญคือจะแก้หน้าอย่างไรกับการที่ผู้นำโลกอย่าง “โจ ไบเดน” ไม่มาร่วมประชุมด้วย แค่ขออยู่ร่วมงานแต่งงานของหลาน ที่สำคัญคือในฐานะเจ้าภาพต้องจัดงานให้เป็นที่ประทับใจ เกิดประโยชน์กับชาติประเทศ และประเทศไทยให้มากที่สุดด้วย


     -ภารกิจที่หนักอึ้ง คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เห็นผลก่อนการเลือกตั้ง ชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนจะต้องได้รับการแก้ไขด่วน รวมถึงปัญหาน้ำมันแพง สินค้าแพง ปุ๋ยแพง แต่ราคาผลิตผลการเกษตรบางตัวตกต่ำ ปาล์มเคยราคาพุ่งไปถึง 11-12 บาท/กก. แต่ช่วงเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ ราคารูดลงมาอยู่แค่ 5 บาท/กก.ในขณะที่ปุ๋ยราคาปรับขึ้นไป 120% จากเดิมกระสอบละ 800 บาท ปรับไปอยู่ที่กระสอบละ 1800-2000 บาท ราคาปาล์มรูดลงมาแล้ว แต่ราคาปุ๋ยยังค้างเติ่งอยู่ที่เดิม ทำให้ต้นทุนการปลูกปาล์มเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5.90 บาท/กก.แล้ว แต่รัฐบาลยังประกันรายได้อยู่ที่ 4 บาท/กก.ยังไม่มีการทบทวน แถมยังมีการอนุมัติน้ำเข้าน้ำมันปาล์มมาอีก ทำให้สต็อกปาล์มมีมากถึง 300,000 ตันแล้ว จนกระทรวงพลังงานต้องปรับสูตรสัดส่วนผสมในน้ำมันดีเซล จาก B 5 B7 เป็น B 10 เพื่อลดสต็อกน้ำมันปาล์มลง
ยังรวมถึงยางพาราที่ราคาก็ไม่ดี ปุ๋ยยังมาแพงอีก รัฐบาลต้องควักเงินภาษีมาชดเชยราคายางพารา


     -ภารกิจสุดท้ายคือ หลังประชุมเอเปก นายกฯประยุทธ์จะต้องตัดสินใจว่า จะยุบสภา หรือจะอยู่ต่อจนหมดสมัย ซึ่งถ้าตัดสินใจว่ายุบสภา ก็น่าจะเกิดขึ้นปลายธันวาคม หรือต้นมกราคม หรือจะลากต่อไปจนถึงใกล้หมดวาระถึงยุบสภา เพื่อจะได้ทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการ เพราะถ้าอยู่จนหมดวาระก็จะไม่ได้เป็นรัฐบาลรัฐบาล

 


       ที่สำคัญที่สุด พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตัดสินใจว่าจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ถ้าพอแค่นี้ก็จบข่าว เก็บกระเป๋ากลับบ้าน แต่ถ้าจะไปต่อก็ต้องมาร่วมกันพิจารณาว่าจะไปต่ออย่างไร ไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐที่อยู่ในฐานะขาลง หรือไปกับพรรคใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” ที่แนวทางชัดเจนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า “เอกนัท พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรคยืนยันชัดเจนว่า จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรค พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีทางเลือกแค่พรรคพลังประชารัฐ ที่โอกาสจะได้เสียงมากจนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยตัวเองคงจะยากแล้ว ต้องจับมือกับพรรคการเมืองอื่นในการจัดตั้งรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคสร้างอนาคตไทย รวมไทยสร้างชาติ หรือจะยังเลือกประชาธิปัตย์อยู่หรือไม่ หรือจะพลิกขั้วไปเลย ไปจับมือกับเพื่อไทย เพราะซีกนี้มีอำนาจต่อรองตรงที่มีสมาชิกวุฒิสภาอยู่ในมือ 250 เสียง อยู่ที่ว่าเพื่อไทยจะเอาด้วยหรือเปล่า แต่การเมืองอะไรก็ได้เกิดขึ้นได้ ถ้าการเจรจาผลประโยชน์ร่วมกันลงตัว


       นี่คือ 4 ภารกิจยากของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐนาวาลำนี้ ภารกิจที่ต้องตัดสินใจจะเดินหน้า หรือพอแค่นี้กับอายุที่ย่าง 68 ปีแล้ว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ