คอลัมนิสต์

ปืนลั่น ความชอบธรรมที่สังคมถามหา "ปืนเถื่อน" หาง่าย ทำง่าย ขายดีจริงหรือ ?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จากเหตุสุดสลดเด็ก ม.3 ก่อเหตุยิงเพื่อนเสียชีวิตคาโรงเรียน อ้างทำปืนลั่น เป็นปืนไทยประดิษฐ์ที่รุ่นพี่ทำขึ้น วันนี้จะพาไปดูสถิติการครอบครองปืน และขั้นตอนการขอใบอนุญาต พร้อมเปิดมุมมืดโลกออนไลน์ ขายปืนเถื่อน หาซื้อง่าย กลายเป็นต้นตอการก่อเหตุอาชญากรรม

จากกรณีเกิดเหตุเด็กนักเรียนชายชั้น ม.3 ในจังหวัดนนทบุรี ทำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ลั่นใส่ ด.ช.นพศิลป์ หรือ น้องโชค เพื่อนร่วมชั้นเสียชีวิต ในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกมีข่าวว่า คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ระเบิด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกระแสโซเชียล แต่สุดท้ายแล้วสาเหตุเกิดจากถูกกระสุนปืนพุ่งใส่จนเสียชีวิต

 

"วันที่เกิดเหตุลืมตัว ลืมไปว่าตนเอง ซ่อนปืนไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว หลังจากที่เพื่อนเรียก ก็เลยวิ่งไปหา โดยถือเสื้อกันหนาวเอาไว้ หลังจากนั้นได้คว้าเสื้อกันหนาวมาใส่ สุดท้ายปืนตกพื้น แล้วลั่นไปใส่ "น้องโชค" ก็รีบวิ่งไปช่วย แต่เพื่อนเสียชีวิตแล้ว" คำกล่าวอ้างของน้องต้า เด็กชายผู้ก่อเหตุ

ปืนลั่น ความชอบธรรมที่สังคมถามหา "ปืนเถื่อน" หาง่าย ทำง่าย ขายดีจริงหรือ ?

จากการสอบสวนน้องต้า เด็กชายที่ก่อเหตุ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสหวิชาชีพ โดย พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากปืนลั่น เพราะขณะเกิดเหตุขณะที่น้องโชค ผู้เสียชีวิตกำลังนั่งเปิดคอมพิวเตอร์อยู่ ส่วนน้องที่ทำปืนลั่น ได้แอบพกอาวุธปืนเข้ามาภายในห้องเรียน โดยห่อไว้ในเสื้อกันหนาว หลังจากนั้นขณะจะนำเสื้อกันหนาวมาใส่ ปืนก็ลั่นใส่น้องโชค

 

หลังเกิดเหตุ ได้โทรหาเพื่อนรุ่นพี่มานำปืนไปโยนทิ้ง ส่วนอาวุธปืนที่นำมานั้น เป็นของเพื่อนรุ่นพี่ เป็นปืนที่ประกอบขึ้นมาเอง เพราะมีความรู้ในการประกอบอาวุธปืน เนื่องจากเป็นนักเรียนสายช่าง ส่วนน้องโชค ผู้เสียชีวิต กับน้องต้า ผู้ก่อเหตุ ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน เจ้าตัวบอกรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุที่พกอาวุธปืนเข้ามาในโรงเรียนเนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียน จึงต้องการนำปืนมาติดตัวไว้เพื่อข่มขู่ แต่ส่วนตัว อ้างว่ายิงปืนไม่เป็น

 

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาน้องผู้ก่อเหตุที่ทำปืนลั่น 3 ข้อหา คือกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยในช่วงบ่ายวันนี้จะคุมตัว ไปส่งที่ศาลเยาวชนจังหวัดนนทบุรี

ปืนลั่น ความชอบธรรมที่สังคมถามหา "ปืนเถื่อน" หาง่าย ทำง่าย ขายดีจริงหรือ ?

จากปัญหาดังกล่าว สังคมคงเคลือบแคลงใจ เหตุใดอาวุธปืนหาง่ายขนาดนี้ ซึ่งคนธรรมดาทั่วไป ใครจะคาดคิดว่าพกปืนติดตัว ยิ่งเป็นเด็กวัยรุ่น การพกปืนที่ไม่มีทะเบียนคาดว่าสัดส่วนน่าจะอยู่ที่ 100 ต่อ 100 อย่างแน่นอน 

 

โดยทุกวันนี้คดีอาชญากรรม ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งต่าง ๆ เกินกว่าครึ่งมักจะจบลงที่การใช้ปืน และเมื่อตรวจสอบจากการจับกุม พบว่า ปืนที่ใช้ก่อเหตุมาจากปืนเถื่อน เรียกกันง่ายๆก็คือ ปืนไม่มีทะเบียนนั่นเอง ซึ่งปืนอะไรก็ตามที่ไม่มีทะเบียนคือปืนเถื่อนทั้งสิ้น และปัจจุบันการเข้าถึงโลกออนไลน์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การหาซื้อปืนเถือน และ ขายปืนเถื่อน ถูกแพร่หลายในโลกโซเชียลบนแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Facebook twitter เป็นต้น 

 

หากย้อนไปดูสถิติในปี 2564 จำนวนปืนที่คนไทยครอบครอง ขึ้นทะเบียนถูกต้องประมาณ 7,000,000 กระบอก ปืนผิดกฎหมายประมาณเกือบ 6,000,000 กระบอก โดยสัดส่วนของปืนมีทะเบียนถูกต้อง กับไม่มีทะเบียน หรือปืนผิดกฎหมาย มีเกือบจะเท่ากัน หากลองเคาะสัดส่วนตัวเลขดู พบว่าคนถือปืนในบ้านเรา ทุก 100 คน จะเจอคนมีปืน 15 คน ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก 

 

แต่น่าตกใจกว่าคือ หากไปดูสถิติทั่วโลก จากข้อมูลของ Small Arms Survey(2018) พบว่ามีปืนอยู่ประมาณ 1,013 ล้านกระบอก ประเทศที่มีคนครอบครองปืนสูงสุด มีดังนี้

  1. สหรัฐอเมริกา ประมาณ 393.3 ล้านกระบอก
  2. อินเดีย ประมาณ 71.1 ล้านกระบอก
  3. จีน ประมาณ 49.7 ล้านกระบอก
  4. ปากีสถาน ประมาณ 43.9 ล้านกระบอก
  5. รัสเซีย ประมาณ 17.5 ล้านกระบอก

ส่วนประเทศไทย อยู่ลำดับที่ 13 มีอยู่ประมาณ 13 ล้านกระบอก

 

เมื่อดูจากสถิติข้างต้นแล้ว จะเห็นว่าประเทศไทย มีการครอบครองปืนมากที่สุดในอาเซียน และ "ไทย" ใช้ปืนฆ่ากันตายสูงเป็นอันดับ 2 รองจากฟิลิปปินส์ แต่ละคดีที่จับได้ ร้อยละ 70 ส่วนใหญ่เป็นปืนเถื่อน นั่นหมายถึงว่าปืนอาจจะซื้อง่ายขายคล่อง ส่งต่อกันมือต่อมือ แม้ประเทศไทยจะมีมาตรการควบคุมการเข้าถึงปืน ใครจะมีปืนต้องยื่นขอใบอนุญาตจากที่ว่าการอำเภอ เพื่อออกใบครอบครอง

 

สำหรับการเข้าถึงปืนในประเทศไทย มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียน เพื่อขออนุญาตให้มีปืนและเครื่องกระสุน หรือ "ใบ ป.1" โดยไปขอที่ที่ว่าการอำเภอ
  2. นายทะเบียน ออกใบอนุญาตให้ซื้อปืน หรือ "ใบ ป.3" นำไปแสดงต่อร้านขายปืน
  3. เมื่อได้ปืนแล้ว ผู้ขอนำปืน และ "ใบ ป.3" กลับมาให้นายทะเบียนตรวจสอบ
  4. ออกใบคู่มือประจำปืน ระบุชื่อเจ้าของปืน และมีหมายเลขทะเบียนชัดเจน หรือ "ใบ ป.4"

 

ขั้นตอนเหล่านี้ยังไม่จบ เพราะเจ้าของปืนจะยังไม่สามารถพกพาปืนไปข้างนอกได้ ต้องขอ "ใบ ป.12 ใบอนุญาตมีปืนติดตัว"

 

เงื่อนไข "ใบ ป.12 ใบอนุญาตมีปืนติดตัว"

  1. ต้องมีหนังสือรับรองความประพฤติ จากหน่วยงานต้นสังกัด ฯลฯ
  2. ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากเจ้าหน้าที่ ไม่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ
  3. ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน มีไว้เพื่อป้องกันตัว หรืออื่น ๆ

 

ขั้นตอนการขออนุญาตดังที่กล่าวมา กว่าจะได้ครอบครองปืน มีขั้นตอนการตรวจสอบอย่างละเอียด แถมใช้เวลานาน นอกจากขั้นตอนการตรวจสอบแล้ว ยังกำหนดการครอบครองได้เพียงคนละ 2 กระบอกเท่านั้น คือ ปืนสั้น และปืนยาว อย่างละกระบอก

 

ดังนั้นช่องทางปืนเถื่อนในโลกออนไลน์จึงแพร่สะพัด แค่คลิกกดหา "ปืนเถื่อน" ก็จะมีเว็บไซต์ต่าง ๆ ขึ้นมาเต็มไปหมด ราคาปืนเถื่อนในโลกออนไลน์ อย่างปืนไทยประดิษฐ์ (บีบีกันดัดแปลง, ปืนปากกา) 6,000-8,000 บาท ปืนทั่วไป 15,000-30,000 บาท เมื่อเทียบราคาแล้ว ก็ถือว่าแพงใช่ย่อย แต่ที่ได้รับความนิยมเพราะไม่มีขั้นตอนต่าง ๆ ในการครอบครองให้ยุ่งยาก ถึงได้ซื้อง่าย ขายคล่อง และพกกันได้ทั่วไป ถือเป็นอีกหนึ่งมุมมืดในโลกโซเชียลที่ในอนาคตอาจเป็นภัยต่อสังคมและเป็นอันตรายต่อคนรักได้

 

อย่างไรก็ตามสำหรับโทษของการซื้อขาย ครอบครอง ปืนเถื่อน ผู้ขาย มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 24 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี - 20 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท ส่วนผู้ซื้อ มีความผิดตามมาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปี - 10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท

ปืนลั่น ความชอบธรรมที่สังคมถามหา "ปืนเถื่อน" หาง่าย ทำง่าย ขายดีจริงหรือ ?

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ