คอลัมนิสต์

แดงสอนมวย “ทักษิณ” ไร้สาระ ไล่หนูเป็นศัตรู

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แกนนำแดงชักธงรบเตือน “ทักษิณ” อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู มัวแต่หวังแลนด์สไลด์ หลังเลือกตั้ง ก็ต้องเจรจากับเสี่ยหนู คอลัมน์...ท่องยุทธภพ โดย..ขุนน้ำหมึก

 

ไล่หนูตีงูเห่าเป็นพิษ “ทักษิณ” เจออดีตแกนนำแดงชักธงรบ สอนมวย อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู 


แกนนำแดงเก่าเตือน “ทักษิณ” อย่าหลงมายาแลนด์สไลด์ หลังเลือกตั้ง ก็ต้องเจรจากับเสี่ยหนูสู้กับ 250 ส.ว.


ปฏิกิริยากิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ไปศรีสะเกษ ตอนไล่หนูตีงูเห่า ยังไม่จบ คราวนี้เป็นเสียงสะท้อนจากอดีตแกนนำเสื้อแดง กลุ่มชักธงรบ อุบลราชธานี


วันที่ 21 มิ.ย.2565 พิเชษฐ์ ทาบุดดา หรือดีเจต้อย ชักธงรบ ได้จัดรายการพิเชษฐ์ ทาบุดดา Talk ผ่านทางแฟนเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนไล่หนูตีงูเห่า โดยอ้างถึงกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ที่ จ.ศรีสะเกษ 
 

 

 

 

ดีเจต้อย ชักธงรบ ได้เล่าเรื่องครอบครัวชินวัตร และพูดถึงลูกสาวคนเล็ก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ที่รับบทหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งพิเชษฐ์ สรุปว่า “ก็พอปานนั้นแหละ”


“การเลือกตั้งยังอีกนาน การมาเคลื่อนไหวไล่หนูตีงูเห่า ได้กระแสมั้ย ได้กระแสพวกเดียวกันนั่นแหละ แต่การเมือง มันบ่มีมิตรบ่มีศัตรู เราอย่าผลักมิตรไปเป็นศัตรู...” 


อดีตแกนนำแดงฮาร์ดคอร์ชี้ว่า ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หากเพื่อไทยเคลื่อนไหวรุนแรงในเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายใหญ่กับอนุทิน จะมองหน้ากันไม่ติด เพราะหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปเพื่อไทย อาจจะต้องไปนั่งจับเข่าคุยกันกับภูมิใจไทย เพื่อผสมพันธุ์ทางการเมืองก็เป็นได้

 

ดีเจต้อย อดีตแกนนำกลุ่มชักธงรบ เมืองอุบลฯ


การเมืองไทยเรื่อง ส.ส.ย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ ทักษิณก็เคยเจรจาดึงพรรคความหวังใหม่ และพรรคชาติพัฒนามาควบรวมกับพรรคไทยรักไทย


พิเชษฐ์ยกตัวอย่างการเมืองใน จ.อุบลราชธานี ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงอยู่ได้ ก็เพราะเกรียง กัลป์ตนันท์ กับวิฑูรย์ นามบุตร หรืออิสระ สมชัย ต่างก็เป็นเพื่อนกัน หากแยกได้ระหว่างเพื่อนและพรรค มันก็สามารถเป็นมิตรกันได้ ไม่จำเป็นต้องเอาเป็นเอาตายกันในทางการเมือง


‘ตำนานชักธงรบ’
ในอดีตคนเสื้อแดงทุกคนไม่ใช่ลูกน้อง “ทักษิณ” ดังตัวอย่างกลุ่มชักธงรบเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใหญ่ที่สุด และมิได้ขึ้นต่อ นปช.ส่วนกลาง


ดีเจต้อย ชักธงรบ หรือพิเชษฐ์ ทาบุดดา ชาวตระการพืชผล ไม่ต่างหนุ่มอีสานที่เคยไปแสวงโชคยังต่างแดน แต่ต้องกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด-อุบลราชธานี มีโอกาสเป็นนักจัดรายการวิทยุชุมชน และได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะเป็นแนวบันเทิงสลับข่าวชาวบ้าน

 

 

ดีเจต้อยในยุควิทยุชุมชนเฟื่องฟู ไม่ต่างจากดีเจอีสานบ้านนอกกว่าร้อยละ 90 ที่นิยมชมชอบพรรคไทยรักไทย และชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


หลังรัฐประหาร 2549 ดีเจต้อยจึงเข้าสู่แนวรบต้านเผด็จการ โดยยึดสูตรขวัญชัย ไพรพนา ดีเจคนดังเมืองอุดรธานี ในการสร้างองค์กรมวลชน โดยใช้วิทยุชุมชนเป็นสื่อกลาง


ที่น่าสังเกต ดีเจต้อย และแกนนำเสื้อแดงในท้องถิ่น จะขายแนวคิดภูมิภาคนิยม โดยปลุกระดมคนอีสานให้ลุกขึ้นต่อสู้แบบ ขบวนการผู้มีบุญหรือกบฏผีบุญ


‘นักโทษเสื้อแดง’
ชะตากรรมแกนนำเสื้อแดงต่างจาก “ทักษิณ” พวกเขาต้องติดคุกติดตะราง หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 


ดีเจต้อยตกเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งที่เขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ หลังจำคุกได้ 15  เดือน  ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุก 1 ปี แต่เนื่องจากถูกจำคุกก่อนศาลอ่านคำพิพากษาเกินอัตราโทษแล้ว จึงได้รับการปล่อยตัว และศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น


15 ธ.ค.2558 ศาลฎีกาได้พลิกคำพิพากษาเป็นจำคุกตลอดชีวิตและหลังจำคุก 6 ปีกับ 2 เดือน ดีเจต้อยได้รับอิสรภาพตามเงื่อนไขการลดหย่อนโทษของกรมราชทัณฑ์ เมื่อต้นปี 2565


ทุกวันนี้ ดีเจต้อย จัดรายการทอล์คการเมือง และขายสินค้าพื้นเมือง ผ่านเฟซบุ๊ก อุดมการณ์เสื้อแดงไม่เคยเปลี่ยน แต่สุขุม รอบคอบขึ้น


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ