
ทิ้งไพ่ดรีมทีม 'ชัชชาติ' ชู "ศานนท์" นักพัฒนาเมืองเจนใหม่
ทิ้งไพ่ดรีมทีม "ชัชชาติ" บริหาร กทม. ดุจสนามทดสอบฝีมือ หากประสบความสำเร็จ ย่างก้าวต่อไป ย่อมไม่หยุดแค่ผู้ว่าฯ กทม. และกลุ่มเพื่อนชัชชาติ คอลัมน์... ท่องยุทธภพ โดย... ขุนน้ำหมึก
เป้าหมายที่ใหญ่กว่า "ชัชชาติ" บริหาร กทม. ดุจสนามทดสอบฝีมือดรีมทีม หากประสบความสำเร็จ ย่างก้าวต่อไป ย่อมไม่หยุดแค่ผู้ว่าฯ กทม.
อภิมหาดรีมทีม "ชัชชาติ" ผนึกกำลังคนหนุ่มรุ่นใหม่ ศานนท์ นักพัฒนาเมือง และวิศณุ ลูกหม้อวิศวะจุฬา นักบริหารเมือง
ปลายปี 2561 ชัชชาติลาออกจากบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ควอลิตี้เฮ้าส์ เพื่อกลับเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย พร้อมที่จะลุยศึกครั้งสุดท้าย โดยพรรคเพื่อไทยใส่ชื่อชัชชาติ เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
หลังเลือกตั้งปี 2562 ปรากฏว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้เสนอชื่อชัชชาติ เป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่วันนี้ คะแนนนิยมของชัชชาติเหนือกว่าลุงตู่หลายเท่า
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนมองข้ามช็อต ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือว่าที่นายกรัฐมนตรี สายปรองดองในอนาคต เพราะเชื่อกันว่า ชัชชาติ จะไม่หยุดเพียงแค่ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
การได้รับฉันทามติ 1.3 ล้านเสียงจากคนกรุงเทพฯ ให้เข้ามาบริหาร กทม. จะเป็นสนามทดสอบฝีมือของชัชชาติ และทีมงาน หากได้รับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ จังหวะก้าวต่อไปของเพื่อนชัชชาติก็คือการเมืองระดับชาติ
ความเป็นไปได้ในทางการเมืองจะเกิดขึ้นหรือไม่ ก็อยู่ที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติ และทีมบริหารรองผู้ว่าฯ กทม. 4 คน คือ วิศณุ ทรัพย์สมพล ดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐาน,จักกพันธุ์ ผิวงาม ดูแลด้านการเงิน การคลัง ,ทวิดา กมลเวชช ดูแลด้านภัยพิบัติและสาธารณสุข และศานนท์ หวังสร้างบุญ ดูแลด้านการพัฒนาสังคมและการศึกษา
"ต้องทะเยอทะยานที่จะทำสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ให้สำเร็จ คำว่าทะเยอทะยานส่วนตัวกับเป้าหมายองค์กรมันไม่เหมือนกันนะ มันต้องทะเยอทะยานในเป้าหมายขององค์กรเพื่อผลักดันองค์กรไปให้ได้ ไม่ใช่ทะเยอทะยานว่าฉันต้องเก่งที่สุด มันเป็นเรื่องของทีมเวิร์ก" ชัชชาติ เคยให้สัมภาษณ์อะเดย์เมื่อ 3 ปีก่อน
ชัชชาติให้ความสำคัญกับทีมงาน ฉะนั้นการเลือกเพื่อนร่วมงาน ย่อมต้องพิจารณาแล้วอย่างถี่ถ้วน เหมือนกรณี 2 รองผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากสำนักสามย่านเหมือนกับชัชชาติ
"นักพัฒนาเมือง"
"ชัชชาติ" โชคดีที่ได้คนหนุ่มวัย 33 ปี ศานนท์ หวังสร้างบุญ เข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ ดูแลด้านพัฒนาเมืองและการศึกษา
ศานนท์ จบการศึกษาจากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และเคยเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ปี 2553 เขาไปทำงานเป็นวิศวกรประจำภายในโรงงานราว 5 ปี ก่อนที่ลาออกมาก่อตั้ง Once Again Hostel ในย่านประตูผี ด้วยความสนใจเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน
ปี 2557-2559 ช่วงที่มีการไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬของกรุงเทพมหานคร เพื่อนำพื้นที่ไปทำสวนสาธารณะ ศานนท์ได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายป้อมมหากาฬ เครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ นักธุรกิจ พยายามเสนอทางออกต่อกรุงเทพมหานคร ทั้งในข้อกฏหมายและรูปแบบการดำรงอยู่ของชุมชนป้อมมหากาฬที่ยั่งยืน
ในฐานะสมาชิกกลุ่ม Trawell และผู้ร่วมก่อตั้ง Once Again Hostel เสนอมหากาฬโมเดล เพื่อเป้าหมายการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล ระหว่างธุรกิจกับชุมชนให้วิน-วินไปด้วยกัน เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวกระจายไปถึงมือคนในชุมชน
นอกจากนั้น ศานนท์ยังเข้าร่วมพัฒนาเมืองในฐานะภาคประชาสังคม ก่อตั้ง SATARANA (สาธารณะ) เครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานเรื่องการพัฒนาเมือง และเป็นหนึ่งในทีมกลุ่มเมล์เดย์ (Mayday) ผู้ออกแบบปรับปรุงป้ายหยุดรถเมล์รูปแบบใหม่
"นักบริหารเมือง"
ลูกหม้อของคณะวิศวะจุฬาฯ อย่าง วิศณุ ทรัพย์สมพล ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับ "ชัชชาติ" ที่มีความผูกพันกันยิ่งกว่าจุฬาคอนเนกชั่น
วิศณุ ทรัพย์สมพล อดีตรองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มีประสบการณ์ในการทำงานฝ่ายบริหารของจุฬาฯ ไต่ระดับจากการเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา ขึ้นเป็นผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์, ผู้ช่วยอธิการบดีด้านบริหารระบบกายภาพ และด้านพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ประธานกรรมการสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งจุฬาฯ, รองอธิการบดีด้านการจัดการทรัพย์สินและนวัตกรรม
ในวันที่วิศณุ ดำรงตำแหน่งรองอธิการบดี กำกับดูแลด้านการจัดการทรัพย์สินและนวัตกรรม จุฬาฯ ได้เสนอแนวคิดพัฒนาพื้นที่ 291 ไร่ ภายใต้แนวคิดจุฬา สมาร์ทซิตี้ ฝั่งสามย่าน สวนหลวง สนามกีฬา ที่พื้นที่คืนหมดแล้ว ทำแผนแม่บทแบ่งการใช้ประโยชน์ตามพื้นที่เช่น ย่านพระราม 4 จะเป็นย่านธุรกิจ ตั้งแต่สามย่านมิตรทาวน์
ดังนั้น ที่ดินใจกลางเมืองรอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งเป็นผลงานการบริหารโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ทั้งลงทุนเองและเปิดให้เอกชนลงทุน เพื่อสร้างรายได้เพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินและสังคม



