ล่มฝัน "อุ๊งอิ๊ง" สีส้มผสมศิษย์เก่าเผาแลนด์สไลด์

กลยุทธ์แอร์วอร์ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกไม้ใต้ต้นทักษิณ เดินหน้าแผนการตลาดการเมือง ปลุกกระแสแลนด์สไลด์ ให้เหมือนปี 2544,2548 และ 2554

 

ปีนี้ไม่เหมือนปีนั้น “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ต้องเจอคู่แข่งฝ่ายเดียวกันอย่างก้าวไกล และศิษย์เก่าทักษิณ ในสีเสื้อพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย

 

วันที่ 24 เม.ย.2565 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี พรรคเพื่อไทย 2565 ไม่ต่างอะไรกับอีเวนท์เปิดตัวแคมเปญ “แลนด์สไลด์ เพื่อไทย เพื่อคนไทยทุกคน” เพราะแกนนำพรรคทุกคน จะย้ำคำว่า แลนด์สไลด์ๆๆๆๆ

นางเอกของเวทีเพื่อไทยก็คือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ประกาศไม่ทิ้งคนรากหญ้า พร้อมดันคนรากหญ้าเข้าสู่ตลาดดิจิทัล ก้าวข้ามความจนสู่มหาเศรษฐี พร้อมตั้งเป้าสร้าง Soft power 1 คน ต่อ 1 ครอบครัว

 

ตอนท้ายอุ๊งอิ๊งให้สัมภาษณ์สื่อ ยังแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่า ตอนนี้ตนเป็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ตนก็อยากเป็นคนที่ฟังปัญหาพี่น้องประชาชนด้วยตนเอง

 

อีกด้านหนึ่ง "ทักษิณ ชินวัตร" เจ้าตำรับแลนด์สไลด์ นั่งเกาะติดหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อติดตามลูกสาวคนเล็กกล่าวแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีเพื่อไทย อยู่ที่นครดูไบ

 

กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร และพรรคการเมืองในการเครือข่าย ได้รับชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในการเลือกตั้ง ส.ส.มากถึง 3 ครั้ง และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

 

การเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส. 248 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 128 ที่นั่ง

 

การเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส. 377 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 96 ที่นั่ง

 

การเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส. 265 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 159 ที่นั่ง

สำหรับการเลือกตั้งใน พ.ศ.นี้ ภูมิทัศน์การเมืองเปลี่ยน คู่แข่งของทักษิณ มิได้มีแค่พรรค ปชป.พรรคเดียว หากแต่มีพรรคก้าวไกล ขวัญใจคนรุ่นใหม่ และลูกน้องเก่าทักษิณ ที่กระจายตัวอยู่ในพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย

 

• ‘เครื่องจักรสีส้ม’

หลายคนอาจมองว่า “อุ๊งอิ๊ง” ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2554 เธอกำลังจะเป็นนารีขี่ม้าขาวคนที่สอง แต่สิ่งที่ต่างจากในอดีต ปีนี้ ไม่มีกระแสสูงแดงทั้งแผ่นดิน ตรงกันข้ามกลับมีปรากฏการณ์สามนิ้ว ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล

 

พรรคก้าวไกลจะเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในสนามกรุงเทพฯ ,หัวเมืองใหญ่ในภาคกลาง, ภาคอีสาน และภาคเหนือ ยกเว้นภาคใต้ ที่เพื่อไทยและก้าวไกลต่างก็มีจุดอ่อน ไม่เป็นที่ยอมรับของคนใต้

 

ทักษิณคงรู้ดีว่า เลือกตั้งครั้งหน้ายากที่จะเกิดเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เพราะมีพรรคสีส้มเป็นคู่แข่งในฝ่ายเดียวกัน ต่างจากสมัยก่อน มีพรรค ปชป.เป็นคู่ชิง ซึ่งพรรคเก่าแก่ก็มีจุดอ่อนที่ภาพอีสานและภาคเหนือ

 

การประกาศย้ำแลนด์สไลด์ “เลือกให้ชนะขาด 250 ที่นั่ง” ก็คือ แคมเปญโหวตเชิงยุทธศาสตร์ เลือกเพื่อไทยให้ชนะขาด พูดง่ายๆ ฝ่ายประชาธิปไตยเลือกพรรคเดียว ไม่ต้องปันใจไปเลือกพรรคอื่นในปีกเดียวกัน ประเดี๋ยวคะแนนจะหาย และพ่ายฝ่ายเผด็จการ

 

พลันที่ทักษิณพูดผ่านคลับเฮาส์ว่าด้วยเรื่องสอนเด็กสามนิ้ว ไม่ควรแตะสถาบันฯ ก็เท่ากับแยกเพื่อไทยออกจากก้าวไกลชัดเจน เพราะพรรคสีส้มเสนอคำขวัญโหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลง เลือกเพื่อต้องการ ส.ส.ที่กล้าชนนายทุน ขุนศึก ศักดินา

 

• ‘รวมพลคนบ้านใหญ่’

ลำพังเจอก้าวไกล “อุ๊งอิ๊ง” ก็เหนื่อยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพวกขาใหญ่ อดีต ส.ส.ค่ายทักษิณ ที่กระจายตัวอยู่ในพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย นักเลือกตั้งเหล่านี้ต่างรู้ทันเกมทักษิณ

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อาจมีบุคลิกภาพภายนอกดูป้อแป้ แต่อย่าลืมว่า บิ๊กป้อมเติบโตบนเส้นทางเหล็กในยุคทักษิณ และนายทหารยุคนั้นต้องรับใช้การเมือง บิ๊กป้อมจึงดูคล้ายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ มือประสานสิบทิศ สมัยจอมพลถนอม

 

วันนี้ พล.อ.ประวิตร มอบให้สุชาติ ชมกลิ่น ผู้อำนวยการพรรค วางแผนยุทธศาสตร์เอาชนะการเลือกตั้ง โดยขีดเส้นว่า ส.ส.พลังประชารัฐทั้ง 83 คน 83 เขต ต้องกลับเข้าสภาฯทุกคน

 

เสี่ยเฮ้ง มือกระบี่ของบิ๊กป้อมระบุว่า พลังประชารัฐ มีแฟนคลับหนาแน่นอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และได้ ส.ส.มากถึง 35-36 ที่นั่ง โดยสมัยหน้า ตั้งเป้าให้ได้ 60-70 ที่นั่ง จาก 104 ที่นั่ง

 

ภาคเหนือตอนล่าง และภาคอีสาน น่าจะได้ 30 ที่นั่ง ส่วนภาคใต้ ตั้งเป้าไว้ 20 ที่นั่ง สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประเมินไว้ 20-25 คน

 

พรรคภูมิใจไทย สมัยที่แล้ว ได้ ส.ส.รวม 51 คน (ไม่นับรวม ส.ส.อนาคตใหม่ที่ย้ายเข้ามาตอนหลัง) ซึ่งสมัยหน้า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคก็ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ที่นั่ง

 

นักเลือกตั้งค่ายสีน้ำเงิน ล้วนเป็นจอมยุทธ์บ้านใหญ่ ไม่หวั่นไหวต่อกระแส ฉะนั้น โอกาสที่ภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.จากอีสานใต้, ภาคกลาง และภาคใต้ ประมาณ 60-70 ที่นั่ง มีความเป็นไปได้สูง

 

สรุปแล้ว เพื่อไทยแลนด์สไลด์ ก็แค่แคมเปญหาเสียงที่ยากจะเกิดจริง เหมือน 3 แลนด์สไลด์ที่ผ่านมา ทักษิณก็รู้ จึงต้องออกแคมเปญการตลาดแลนด์สไลด์แต่หัววัน