คอลัมนิสต์

เข็ดแล้ว "อนุทิน" ไม่นำ "ภูมิใจไทย" ผูกติดพรรคไหน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ภูมิใจไทยปีที่ 14 "อนุทิน" ไม่จับมือพรรคไหนล่วงหน้า บทเรียนปี 2554 เข็ดจริงๆให้ดิ้นตาย กลายเป็นฝ่ายค้าน ยึดหลักไม่รบรากับใคร ครูใหญ่เนวินบอกให้เดินแนวทางปรองดอง คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก

14 ปี พรรคภูมิใจไทย “อนุทิน” ไม่จับมือพรรคไหนล่วงหน้า มีบทเรียนมาแล้ว ต้องขอยืมสำนวนนักเขียนดังที่ว่า เข็ดจริงๆให้ดิ้นตาย

 

แบรนด์ใหม่ “อนุทิน” ยึดสโลแกนพูดแล้วทำ ไม่รบรากับใคร ครูใหญ่เนวินเดินแนวทางปรองดอง เลือกตั้งสมัย อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

วันก่อน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามนักข่าวเรื่องการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งมีบางพรรคประกาศจะได้ ส.ส.150 คน บางพรรคก็บอกจะแลนด์สไลด์

 

พรรคภูมิใจไทยจะประกาศจับมือกันเป็นพรรคพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ อนุทิน ตอบว่า ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ไม่เชื่อเรื่องการจับมือก่อน เพราะเราเคยได้บทเรียนจากการทำเช่นนั้นมาแล้ว พอเลือกตั้งเสร็จ มีความผิดพลาด ก็ไม่มีความหมาย ฉะนั้น ต้องอยู่บนความเป็นจริง จะคิดจะอ่านอะไร ต้องรอดูผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ หลังปิดหีบเลือกตั้ง

“ใครไม่เคยโดนสภาพนี้ไม่รู้หรอก เรามีบทเรียนมาก่อน เราอยู่ด้วยตัวเราเอง ทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปเที่ยวจับอะไรกับใคร ถ้าทำตัวให้ดีที่สุด เดี๋ยวก็มีคนมาชวนเราเอง ตรงนั้นแล้วเราค่อยพิจารณา สำหรับบทเรียนที่กล่าวมานั้นเป็นบทเรียนในอดีต ผมเห็นหัวหน้าพรรคเก่าโดนอะไรมา ก็จำเป็นบทเรียน..”

 

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนเก่าก็คือ "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล" อดีต รมว.มหาดไทย บิดาของอนุทินนั่นเอง ซึ่งช่วงการเลือกตั้งปี 2554 "ปู่จิ้น ชวรัตน์" นำทีมสีน้ำเงินลงสนาม

 

6 เม.ย.2565 ก้าวสู่ปีที่ 14 ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเวลานี้ กำลังเป็นพรรคเนื้อหอม ที่มี ส.ส. และอดีต ส.ส.แห่เข้ามาซบ ทั้งที่จากผลการสำรวจความนิยมของนิด้าโพล หรือซุปเปอร์โพล ภูมิใจไทยยังอยู่อันดับท้ายๆ

 

  • ‘จากพ่อถึงลูก’

บทเรียนที่ “อนุทิน” พูดกับนักข่าวเรื่องการจับมือทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง เกิดขึ้นสมัยที่ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2554 ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้นัดรับประทานอาหารระหว่าง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และ ส.ส. พรรคชาติไทยพัฒนา เพราะทั้งสองพรรคจับมือกันเป็นพันธมิตรทางการเมือง

นัยว่า การรวมตัวกันครั้งนั้น เพื่อจะเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดความปรองดองกับประเทศชาติ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้วคือ เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์

 

ผลการเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยชนะอย่างถล่มทลาย ได้ 265 ที่นั่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงจัดตั้งรัฐบาลอย่างรวดเร็ว โดยมีพรรคชาติไทยพัฒนา (19 ที่นั่ง) ,พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (7 ที่นั่ง) ,พรรคพลังชล (7 ที่นั่ง), พรรคมหาชน (1 ที่นั่ง) และพรรคประชาธิปไตยใหม่ (1 ที่นั่ง) รวมแล้วมี 300 ที่นั่ง

 

แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับการทาบทามเข้าร่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็รีบตัดสินใจทันที โดยไม่มีการพูดถึงสัญญาใจที่เป็นพันธมิตรทางการเมืองร่วมกัน ปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน

 

เรื่องนี้แหละ เสี่ยหนูบอกไม่เชื่อเรื่องการจับมือก่อนการเลือกตั้ง ไม่เอาแล้ว ถ้ายืมสำนวนของ พ.ต.ต.ประชา พูนวิวัฒน์ นักเขียนดังมาใช้ ก็ต้องบอกว่า เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย

 

  • ‘หนูดิ้นได้’

ปี 2555 ภูมิใจไทย มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค จากปู่จิ้นมาเป็น “อนุทิน” จึงสลัดจากขั้วความขัดแย้ง เพราะภูมิใจไทยถือกำเนิดมาจากพรรคพลังประชาชน หลังมีกรณียุบพรรค เนวิน ชิดชอบ ได้พา ส.ส.กลุ่มหนึ่งแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ และถูกประทับตราเป็นพรรคเนรคุณนายใหญ่

 

ช่วงที่พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคฝ่ายค้าน ภายในพรรคแยกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มเนวิน 27 คน และกลุ่มสมศักดิ์ เทพสุทิน 7 คน โดยตอนนั้น เนวินประกาศวางมือทางการเมือง หันไปทำทีมฟุตบอลอย่างเดียว

 

หลังยิ่งลักษณ์ยุบสภาฯ ปลายปี 2556 สมศักดิ์ได้นำ ส.ส.ในกลุ่มมัชฌิมา ออกจากภูมิใจไทยกลับเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งต้นปี 2557 เป็นโมฆะ และตามมาด้วยการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557

 

ระหว่างที่ คสช.ครองอำนาจ อนุทินได้เดินสายไปสร้างเครือข่ายการเมืองทั่วประเทศ และปรับท่วงทำนองพรรคใหม่ให้เป็นเดินทางสายกลาง

 

“คนที่จะเชื่อมสองขั้วคือคนกลาง พรรคคือคนกลางทางการเมือง พรรคไม่ใช่คู่ขัดเเย้งเเละพร้อมโน้มน้าวทุกฝ่ายให้เห็นประโยชน์ของประเทศ” นี่คือคำพูดของอนุทิน เมื่อปี 2562

ครูใหญ่เนวิน ยังเป็นกุนซือให้อนุทิน

 

ประเด็นที่อนุทินถูกจับตามองมาตลอดคือ เรื่องการฟื้นสัมพันธ์กับทักษิณ อนุทินก็เคยพูดกับสื่อมาหลายครั้งว่า “เราเคยเป็นลูกน้อง ท่านทักษิณก็เป็นผู้บังคับบัญชากันมา เราแค่มีปัญหานิดเดียวคือ ตอนที่มันต้องเลือกแยกขั้ว..”

 

เสี่ยหนูยืนว่า ยังเคารพรักทักษิณ ชินวัตร และเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ก็เคยไปพบทักษิณที่ต่างประเทศ “ท่านให้ผมเป็นรัฐมนตรี (รมช.สาธารณสุข รัฐบาลไทยรักไทย) ผมก็กราบตักขอบคุณท่าน ..ฉะนั้น ผมไหว้ท่านทักษิณสบายมาก ให้ไหว้วันละ10ทีก็ไหว้”

 

สาเหตุที่อนุทินต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร เพราะรู้ดีว่า สถานการณ์การเลือกตั้งครั้งใหม่ กลับไปใช้บัตร 2 ใบ 400 เขตนั้น ภูมิใจไทยไม่ได้เปรียบ

 

ลองไปดูข้อมูลการเลือกตั้งทั่วไป 2562 พรรคภูมิใจไทย ส่ง ส.ส.เขต ครบ 350 เขต ได้คะแนนเลือกตั้ง มากกว่า 3 ล้าน 7 แสนคะแนน ทำให้ได้ ส.ส.รวม 51 คน (ไม่นับรวม ส.ส.อนาคตใหม่ที่ย้ายเข้ามาตอนหลัง)

 

ตัวเลข ส.ส.เขต เพียง 38 คนนั้น ถือได้ว่า ไม่ได้กระเตื้องขึ้นจากปี 2554 มากนัก หากใช้ระบบบัตร 2 ใบ หากเกิดเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เหมือนปี 2554 ภูมิไจไทยก็คงเหลือ ส.ส.ไม่เกิน 30 คน

 

นี่คือความเป็นจริงทางการเมือง เสี่ยหนูจึงพูดว่า จะไม่ประกาศจับมือกับพรรคไหน ก่อนการเลือกตั้งเด็ดขาด ขอให้ทราบผลเลือกตั้ง แล้วจึงค่อยตัดสินใจ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ