คอลัมนิสต์

ศึกชิงเมือง "อุ๊งอิ๊ง" นอมินี "ทักษิณ" ฝ่าคมหอกคมดาบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ยุทธการชิงเมือง ตระกูลชินวัตรเสี่ยงส่ง "อุ๊งอิ๊ง" เล่นตามบท "ทักษิณ" แคนดิเดตนายกฯ หนีไม่ไกลจากบ้านจันทร์ส่องหล้า กระตุ้นพรรค กปปส.คืนชีพ คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก

รู้ว่าเสี่ยง "อุ๊งอิ๊ง" ก็ต้องเล่นตามบทที่ทักษิณลิขิต เพื่อไทยหนีเงาคนแดนไกลไม่พ้น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็หนีไม่ไกลจากบ้านจันทร์ส่องหล้า

 

สิ้นยุคเบบี้บูมเมอร์ “อุ๊งอิ๊ง” คือว่าที่นายกรัฐมนตรี เจนเอ็กซ์เจนวาย และบัดนี้ ชาวพรรคเพื่อไทยได้เวลาแห่ผู้นำรุ่นใหม่ เริ่มจากตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว

 

ปฏิกิริยา “อุ๊งอิ๊ง” ส่งผลให้ขั้วการเมืองตรงข้ามขยับ เป็นเงื่อนไขให้พรรค กปปส.คืนชีพโดยเร็ว สังคมการเมืองไทยยังข้ามไม่พ้นขั้วสี

 

เดือน ต.ค.ปี 2564 ทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ พูดผ่านรายการ CareTalk x Care Clubhouse โดยย้ำเรื่อง 3 ป.ตกยุค และบอกว่าเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะยิ่งกว่าแลนด์สไลด์ เนื่องจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย จะเป็น "คนรุ่นใหม่"

 

ตอนนั้น สื่อเกือบทุกสำนักก็ไม่คิดว่า ทักษิณจะส่งลูกสาวคนเล็ก "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ลงสนาม เพราะดูจะเสี่ยงเกินไป ชะตากรรมในอดีตของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้ตระกูลชินวัตร คิดหนักมาก หากจะส่งคนในวงศ์วานว่านเครือลุยการเมือง

แหล่งข่าวเพื่อไทยมักอ้างว่า "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" คงไม่ปล่อยให้ลูกสาวคนเล็กมาเสี่ยงคมหอกคมดาบหรอก ตอนนั้น นักสังเกตการณ์การเมืองจึงโฟกัสไปที่นักธุรกิจใหญ่ และลูกเขยตระกูลชินวัตรมากกว่า แต่สุดท้าย ทักษิณ-คุณหญิงอ้อก็ไฟเขียวให้อุ๊งอิ๊งเข้าสู่สังเวียนเลือกตั้ง

 

การเปิดตัวอุ๊งอิ๊ง ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ จ.อุดรธานี สะท้อนการตัดสินใจอย่างฉับไวของทักษิณ เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วว่า ระบอบประยุทธ์ หรือระบอบ 3 ป. กำลังเข้าสู่ช่วงขาลง

 

ตัวอุ๊งอิ๊งเองก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ไม่อยากให้พ่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะยุคนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้นำรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ยามนี้ ประเทศไทยต้องการผู้นำคนรุ่นใหม่

 

ทักษิณในสายตาของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำหรือเหยื่อเผด็จการ แต่จุดยืนและท่าทีทางการเมืองกลับมีลักษณะประนีประนอมสูง ไม่เฉียบคม ไม่ก้าวหน้าเหมือน "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" และ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"

 

 

‘พรรคครอบครัว’

จริงๆแล้ว “อุ๊งอิ๊ง” อยู่ในใจทักษิณมานานแล้ว นับแต่เกิดปรากฏการณ์ธนาธร ในการเลือกตั้งปี 2562 ดังจะเห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของทักษิณ ผ่านสื่อไทยภาคภาษาอังกฤษ Thai Enquirer

ทักษิณ ชินวัตร ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถหาผู้นำที่เหมาะสมและมีเสน่ห์ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วได้ และตอนหนึ่ง ทักษิณพูดถึงธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่

อุ๊งอิ๊ง ถอดแบบดีเอ็นเอการเมืองมาจากทักษิณ

 

“ธนาธรมีเสน่ห์ความเป็นผู้นำที่มากกว่าในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คนรุ่นใหม่เขาไม่รู้จักประเภทของพรรคการเมืองต่างๆ สำหรับพวกเขา นี่คือพรรคเข้ามาใหม่ที่มีเสน่ห์”

 

ย้อนไปดูตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ,พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสายตาทักษิณ ก็หนีไม่พ้นเครือญาติ ไล่มาตั้งแต่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยกเว้นกรณีของสมัคร สุนทรเวช

 

เมื่อต้นเดือน มี.ค.2565 The Momentum เป็นสื่อแรกที่สัมภาษณ์ "อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร" ในวันที่สวมเสื้อเพื่อไทย โดยมีคำถามที่ว่า พรรคเพื่อไทยเป็นธุรกิจครอบครัว มากกว่าสถาบันการเมือง อุ๊งอิ๊งคิดอย่างไร

 

“ใครจะคิดอะไรก็คิดได้ เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ใช้สถานการณ์ และให้โอกาสเรากับพรรคเพื่อไทยได้พิสูจน์มากกว่าว่าเราทำอะไรได้บ้าง และเรามี passion ในการพัฒนาประเทศอย่างไร”

 

แสดงว่า อุ๊งอิ๊งเตรียมใจล่วงหน้ามาแล้ว สำหรับประเด็นคำถาม พรรคเพื่อไทยก็คือธุรกิจการเมืองของตระกูลชินวัตร

 

  • ‘ชูประชาธิปไตยจ๋า’

นับจากนี้ไป “อุ๊งอิ๊ง” จะต้องเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายเดียวกัน และฝ่ายตรงข้าม นับเป็นช่วงเวลาทดสอบ ก่อนจะถึงยุบสภาฯ

 

วันที่อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ The Momentum ได้ฉายแววนักการเมืองชัดเจน อย่างคำถามเรื่องคนเสื้อแดงกับทักษิณ เธอก็ตอบได้ดี

 

“คนเสื้อแดงในวันนั้น ไม่ได้ออกมาเพื่อจะเซฟทักษิณคนเดียวนะ เขาออกมาเพราะว่าเขาต้องเซฟเรื่องปากท้องของเขา เพราะว่าเศรษฐกิจมันพังจากการรัฐประหาร พอประเทศมีรัฐประหาร คนที่จะเข้ามาลงทุนก็หาย อันนี้คือ fact เลย”

 

10 ปีที่แล้ว มีแต่คนเสื้อแดง แต่วันนี้ มีคนเสื้อส้มกระจายอยู่ทั่วประเทศ อุ๊งอิ๊งจึงอธิบายว่า คนเสื้อแดงไม่ได้สู้เพื่อทักษิณ หากแต่สู้เพื่อประชาธิปไตย เหมือนม็อบสามนิ้ว ม็อบราษฎร

 

รวมถึงคำถามเรื่องทักษิณในสายตาคนรุ่นใหม่ เพราะเจนวายเจนแซด โตมาในยุค คสช. และทักษิณก็ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ การที่ทักษิณหรือโทนี่ พยายามใช้คลับเฮาส์สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ อุ๊งอิ๊งตอบว่า “ถ้าใครฟังเขาบ่อยๆ ก็จะรู้ว่าคุณพ่อเป็นคนที่อัพเดตตัวเองเสมอในทุกอย่างและทุกที่ที่ไป อีกทั้งยังคอยอ่านหนังสือ อ่าน text ต่างๆ เขาเป็นคนที่อัพเดตตัวเองอยู่เสมอ”

 

อย่างไรก็ตาม อุ๊งอิ๊งไม่อยากให้เป็นเป็นนายกรัฐมนตรี “...วันนี้ เรารู้สึกว่าไม่อยากให้พ่อเป็นนายกฯ แล้วนะ แต่อยากให้ประเทศดีเหมือนตอนนั้น ที่ทุกคนมีโอกาสในชีวิต”

 

อุ๊งอิ๊งตอบคำถามสื่อ ในช่วงที่เริ่มเข้ามาทำงานในเพื่อไทยแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นก้าวแรกของแผน "นารีขี่ม้าขาวภาค 2"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ