คอลัมนิสต์

รู้จัก "มหาโจร 5 จำพวก" คลัสเตอร์ "พระภิกษุ" ทำเสื่อมพระพุทธศาสนา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เรื่องโจร แต่ไม่ใช่โจร 500 ที่เที่ยวปล้นชาวบ้าน แต่เป็นโจรที่ "สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เรียกภิกษุกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมเหมือนโจร

ที่ยกเรื่อง "โจร 5 จำพวก" มาเล่าเพื่อหาคำตอบว่าโจร 5 จำพวกเป็นไฉน คำตอบคือเป็นพระดำรัสของ "พระพุทธเจ้า" ที่ทรงตำหนิ ภิกษุที่ อยู่ฝั่งแม่น้ำ วัคคุมุทา ที่หากินแบบโฆษณาชวนเชื่อ หลอกชาวบ้านว่ามีคุณวิเศษ หวังลาภสักการะ และไม่เกี่ยวกับคลิปหลุด ที่เห็นภิกษุรูปหนึ่งไปให้ฆราวาส ครอบครู เมื่อเอาเศียรพ่อแก่ (ฤาษี) สวมศรีษะ องค์ลง ออกท่าทางประหลาด กระทืบเท้า ชูมือไปมา ส่งเสียงแปลก เหมือนไม่ใช่เสียงคน

หลายคนดูคลิปต่างไม่สบายใจ รวมทั้งผู้เขียนด้วย คาดไม่ถึง ว่า ภิกษุท่านแก่วิชามาก แต่คุมสติไม่ได้ จึงลืมภิกขุภาวะไปชั่วขณะ 

แต่จะไปกระทบภิกษุรูปใด ก็ถือว่ามาบอกกล่าว หากเลิกได้ หยุดได้ก็งาม ช่วยต่ออายุพระพุทธศาสนา

 

ส่วนเรื่อง "มหาโจร 5 จำพวก" นั้น ปรากฎอยู่ใน "พระไตรปิฎก" ตอนที่ว่าด้วยอาบัติปาราชิกข้อที่ 4 ที่ห้ามภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรม (ภิกษุอวดคุณธรรมวิเศษที่ไม่มีในตน แต่อวดว่ามี เพื่อเรียกศรัทธาจากญาติโยมให้หลงเชื่อ แล้วปรนเปรอด้วยปัจจัยและอาหาร เป็นอาบัติปาราชิก

เรื่องเกิดในสมัยพุทธกาล  มีความว่า "พระพุทธเจ้า" ประทับ ณ เรือนยอดในป่ามหาวัน ใกล้กรุงเวสาลี

เมื่อภิกษุหลายรูปที่เป็นสหายกัน จำพรรษาใกล้ฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา สมัยนั้นเกิดทุพภิกขภัยในแคว้นวัชชี จนไม่มีคนใส่บาตร

บรรดาภิกษุจึงปรึกษาว่าทำอย่างไรดี แต่ละรูปเสนอแนะวิธีต่างๆ เพื่อให้คนศรัทธาหันมาใส่บาตร แล้วลงเอยว่าควรสรรเสริญให้ญาติโยมฟังว่าภิกษุรูปนั้นมีคุณวิเศษเช่นได้ฌาน จนถึงเป็นพระอรหันต์ มีวิชชา 3 มีอภิญญา 6 เป็นต้น  เมื่อญาติโยมศรัทธา ทำให้เกิดลาภสักการะ อาหารการกินจะไหลมาเทมา พระภิกษุก็อิ่มหมีพีมัน ผิวพรรณผ่องใส

หลังจากออกพรรษาภิกษุกลุ่มนั้นได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ที่กรุงเวสาลี

ภิกษุจำพรรษาที่อื่นๆ ก็มา เฝ้า "พระพุทธองค์" เช่นกัน แต่รูปร่างซูบผอม ผิวพรรณทราม เทียบกับภิกษุจากฝั่งวัคคุมุทาไม่ได้ ที่อ้วนพี มีผิวพรรณผ่องใส

พระพุทธเจ้าทรงสอบถาม ทราบเรื่อง จึงตำหนิติเตียนภิกษุจากฝั่งวัคคุมุทาเป็นอันมาก แล้วตรัสเรื่องโจร 5 จำพวก เปรียบเทียบกับภิกษุ (ที่นอกรีต)

 

 

 

 มหาโจร 5 ประเภท 

1.มหาโจร พวกหนึ่งรวบรวมพวกตั้งร้อยตั้งพัน เข้าไปปล้น ฆ่า เอาไฟเผาคามนิคม ราชธานี

 เรื่องนี้เทียบได้กับภิกษุบางรูปคิดรวบรวมพวกตั้งร้อย ตั้งพัน จาริกไปคามนิคม ราชธานี ให้ชาวบ้านสักการะ บูชา และได้จีวร บิณฑบาต ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค นี่คือมหาโจร ประเภทที่ 1

2. ภิกษุชั่วบางรูป เรียนพระธรรมวินัย ที่ตถาคตประกาศแล้ว ก็โกงว่าเป็นของตน นี่เป็นมหาโจรประเภทที่ 2

3.ภิกษุบางรูปใส่ความเพื่อนพรหมจารีที่บริสุทธิ์ ด้วยข้อหาว่าประพฤติผิดพรหมจรรย์ อันไม่มีมูลนี่เป็นมหาโจรประเภทที่3 

4.ภิกษุชั่วบางรูปเอาของสงฆ์ที่เป็นครุภัณฑ์ ครุบริขาร(ห้ามแจก ห้ามแบ่ง) เช่นอาราม ที่ตั้งอาราม วิหาร ที่ตั้งวิหาร เตียง ตั่ง เป็นต้น ไปสงเคราะห์คฤหัสถ์ (เพราะเห็นแก่ลาภ) ภิกษุเช่นนี้เป็นมหาโจรประเภทที่ 4

5.ภิกษุบางรูปอวดคุณพิเศษที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง 

และนี่ก็คือที่มา "ชื่อว่าเป็นยอดมหาโจรในโลก พราะบริโภคก้อนข้าวของราษฎรด้วยอาการแห่งขโมย"

ในการนี้ "พระพุทธองค์" ทรงติเตียนภิกษุริมฝั่งวัคคุมุทา พร้อมบัญญัติสิกขาบท โดยห้ามภิกษุอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน เมื่ออวดไปแล้ว แม้จะออกตัวสารภาพผิดทีหลัง ก็เป็นอาบัติปาราชิกอยู่ดี

สาธุคนอ่าน คิดอย่างไร เห็นภิกษุแบบไหนบ้าง ถ้าไม่พบเลย ถือว่าเป็นบุญ

 

ส่วนผู้รู้บางท่านว่าที่สาธุชนเห็นคลิปหลุดนั้นเป็นส่วนน้อย ส่วนที่ไม่หลุด น่าจะมีอีก(มาก) เพราะบางรูปถึงจะบวชเป็นพระ แต่ศรัทธาในพระรัตนตรัยคลอนแคลน จึงลืมตัวถึงกับถามว่าศาสนาให้อะไรแก่เขา(ทั้งที่เติบโตมาจากข้าวก้นบาตร)

อนิจจา 

เรื่อง : โดยเปรียญ 12

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ