คอลัมนิสต์

"พี่ทิด" ครองผ้าเหลืองนานไม่ง่าย แต่ใช้ชีวิตหลังผ้าเหลือง นี่สิมันยากกว่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชีวิตหลังลาสิกขาด้วยการสลัดผ้าเหลืองมาเป็น "พี่ทิด" ชีวิตบางคนอาจเรียบง่ายสมถะ แต่การใช้ชีวิตในผ้าเหลืองนานก่อนลาสิกขาก็อาจถูกกระทำจากสังคมได้เช่นกัน

ผมเคยเขียนก่อนที่ "มหาชื่อดัง 2 ท่าน" จะสึกหาลาเพศ ว่าสังคมภายนอก หรือสังคมโลก ไม่เหมือนสังในวัด เพราะสังคมโลก ไม่มีอะไรปกป้องคุ้มครองคุณ ต่างจากสังคมในวัด ที่ผ้าเหลืองยังคุ้มครองพวกคุณได้ เพราะฉะนั้น "อย่าประมาท" 

แต่ผ่านไปแค่เดือน 2 เดือน หลังจากสึกหาลาเพศ ทิดมหาทั้ง 2 ก็ตกอยู่ในสภาวะหวานอม ขมกลืน
ทิดผู้น้อง ทำอะไรๆ สวนทางกับภาพที่เคยเป็นพระมหาหนุ่ม ที่พูดเพราะ น่าฟังเขียนหนังสือก็น่าอ่าน วางตัวเป็นที่เคารพ ยำเกรงของคนทั่วไป
แต่พอสึกออกมา มีพฤติกรรมหลายอย่างที่คนเคยรัก เคารพผิดหวังและคาดไม่ถึง แบบรู้หน้าไม่รู้ใจ
 
อย่าลืมว่า ทิด พ.และทิด ส. ไม่เคยใช้ชีวิตในวัยรุ่น หรือวัยหนุ่ม เพราะในช่วงนั้นท่านเป็นนักบวช และบวชเพื่อเรียนจนประสบความสำเร็จได้เปรียญเอกทั้งคู่

 

เมื่อมีบารมีก็ใช้ความสามารถในทางวาทะศิลป์หรือศิลปะในการพูด การแสดงธรรม แบบทันสมัย ทำให้คนฟังทั้งบนเวที หรือโซเชี่ยลมีเดีย ติดตามเยอะ ว่ากันว่าเป็นแสนเป็นล้านวิว ถัาเรียกไม่ให้เชย พระคุณเจ้าคือดารา ดีๆ นี่เอง
ตัวเลขเหล่านี้อาจทำให้พี่มหาลำพอง ว่ามีคนรู้จักนับล้าน สึกไปแล้วจะทำอะไร ทั้งธุรกิจ อะไร สังคมย่อมตอบรับที่ดีแน่ๆ เพราะภาพลักษณ์ดี ว่างั้นเถอะ

แต่แล้ว ทิดผู้นัอง ทำอะไรตามใจตน ทำเอาผู้คนที่เคยรักเคารพ เสื่อมศรัทธา เมื่อประกาศว่า พี่ทิดจะมี..เป็นหนุ่มเกาหลี โอ้ยหัวใจจะแตก ท่านเป็นบัณเฑาะก์(กะเทย) หรือนั่น นี้แหละเขาจึงว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ที่เราเห็นด้วยตานั้นอย่างหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง อีกอย่างหนึ่ง
ประเด็นนี้ ใครอ่านคอมเมนต์ทางโซเชี่ยล จะพบแต่ก่นด่า ตำหนิหรือสาบส่งไปเลย

ดราม่าเกิดอีกครั้ง.. เมื่อพี่ทิด อ่อนชั้นเชิงสังคม เดินออกกลางรายการ นินทาประเทศไทย ที่ดำเนินรายการโดยน้าเน็ก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ในขณะที่น้าเน็ก นั้นฉลาดมาก ออกมาพูดว่า ผมขอโทษ พี่ทิดมหาเป็นผู้ชนะ แค่นี้น้าเน็กได้ใจผู้ชมไปแล้ว
ผมไม่รู้ว่า ทิดมหาทำมาหากินอะไรบ้าง แต่ที่ชาวบ้านสรรเสริญ ก็ตอนไปกราบแม่ เอาเงินไปให้แม่ที่ป่วย แสดงความกตัญญูให้สังคมประทับใจ

จากนั้นก็เกิดอะไรบ้างไม่รู้ นอกจาก "สังคมนอกวัด กำลังอบรมคุณ" หลังจาก คุณอบรมเขามานาน
ส่วนทิดมหาผู้พี่ แต่สึกทีหลัง ตอนเป็นพระมหาก็ดังเหลือหลาย มีรายการทางทีวีหลายช่อง นอกเหนือจากการเทศน์ด้วยลีลาที่สนุกสนาน เรียกคนฟังทุกเพศทุกวัย  นานสิบกว่าปี เมื่อไลฟ์สดกับมหาผู้น้อง ในรายการ พส. เรตติ้งทะยานลิ่ว ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์จากนักอนุรักษ์ว่าไม่เหมาะไม่ควร ไม่สมกับสมณสารูป เพราะทั้ง 2 ท่านพูดในทำนองสนุก และตลกบ้าง ทำให้คนติดตามไม่เบื่อ แต่นักอนุรักษ์ไม่ชอบ

 

 

แต่ท่านมหาผู้พี่ ถูกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร้องเรียนมหาเถรสมาคมว่าแสดงความคิดเห็นพาดพิงการเมืองที่เป็นของต้องห้ามสำหรับพระสงฆ์ไทย
เรื่องมีอยู่ว่า.. ท่านไปพูดถึงการแก้โรคระบาดโควิด19 ว่ารัฐทำไม่ถูก ท่านเสนอให้หยุดโครงการซื้อเรือดำน้ำ และรถถัง เอางบประมาณนั้นมาจัดซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนดีกว่า เพราะซื้อเรือดำน้ำหรือรถถังก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปรบกับใคร 
แค่นี้มหาเถรสมาคม สั่งฝ่ายปกครองตามลำดับให้ไปตักเตือน
เมื่อท่านตัดสินใจลาสิกขา ต้นมกราคม 2565 ท่านประกาศทำสารพัดโครงการธุรกิจ ตั้งแต่การทำอาหารจนถึงวงการบันเทิง จนใครก็อดทึ่งไม่ได้
ดราม่าล่าสุด คือ ทิดมหาถอนตัวไม่ทำรายการกับทีวีพูล 3 รายการ ด้วยกัน ทำเอาเจ้าแม่ทีวีพูลต้องออกมาแถลง พร้อมคอมเมนต์ว่า ทิดมหาไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจ แต่จะคิดรวยๆ อย่างเดียว ต่อไปเป็นไงต้องติดตาม

ก็นึกเสียว่าสังคมกำลังตีกลับคือสอนท่าน นะครับหลังจากสอนเขามานาน
แท้จริงแล้วทั้งสองทิดสอนคนมาเยอะ และนานนับปี น่าจะได้คิด เอาธรรมะไว้เตือนใจบ้าง น่าจะอยู่เย็นเป็นสุข ในสังคมที่วุ่นวาย จึงเสนอให้นำธรรมกำกับใจไว้ 4 ประการ คือ

 

สัจจะ ความจริงใจ จะทำ จะพูด จะคิด ต้องอิงความจริงเสมอ

ทมะ การข่มใจ อารมณ์ร้ายเกิดต้องข่มใจให้ได้
ขันติ ความอดทน 
จาคะ การเสียสละ ให้แก่ผู้ที่ควรให้ เช่นบุพการี หรือสงเคราะห์ญาติพี่น้อง
ท่านพี่ทิดสอนคนมาเยอะ น่าจะนำทั้ง 4 ข้อมาตั้งไว้ในใจ เพื่อความรุ่งเรืองในภายภาคหน้า
ที่ผมว่ามาทั้งหมดก็ด้วยความเป็นห่วง ทิดมหารุ่นน้อง อย่าได้คิดมากไปเลย 
 
เรื่อง : เปรียญ12

logoline