จบแล้ว "ประยุทธ์" ปั้นแบรนด์ใหม่ไปตายดาบหน้า
จบเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ "ประยุทธ์" เผชิญศึกใหญ่ จะเอายังไงกับพลังประชารัฐ เข้ามาลุยเองหรือลอยตัวเหนือ ส.ส. ยามขาลงจะปั้นแบรนด์ใหม่คงเหนื่อยแสนสาหัส คอลัมน์ท่องยุทธภพ โดยขุนน้ำหมึก
ผลเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ สะเทือน “ประยุทธ์” ฉุดเรตติ้งร่วงแล้วร่วงอีก มินับพรรคพลังประชารัฐ นับถอยหลังรอวันซุ้ม ส.ส.แยกทางกันเดิน ตามวิถีพรรคเฉพาะกิจ
สิ้นมนต์ขลัง “ประยุทธ์” อาจต้องรีแบรนด์ภาพผู้นำในสนามเมืองหลวง หากยังคิดจะเล่นการเมืองต่อไป ปั้นพรรคใหม่รองรับหรือวางมือ
วันใดที่ “ประยุทธ์” คิดก่อการสร้างพรรคใหม่หนุน พปชร.จะแปรสภาพเป็นพลังป้อมบวกซุ้มธรรมนัส จัดทัพสู้ศึกชิงอำนาจรัฐในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า
ผลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 เป็นไปตามนักวิเคราะห์การเมืองคาดหมายคือ สุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ชนะ แต่ที่พ่ายผิดคาดคือ สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ไม่ถึงหมื่นแต้ม
โค้งสุดท้าย ทีมงานของสิระ เจนจาคะ รู้ว่าตกเป็นรอง จึงใช้ยุทธวิธีเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ และชุมชนริมคลอง แถมงัดแคมเปญรักลุงตู่ ชูลุงป้อม เลือกเบอร์ 7 ซึ่งดูจากผลการนับคะแนนก็ถือว่า พลาดเป้าไปเยอะ
ความปราชัยในสนามเลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งติดต่อกัน จากสงขลา,ชุมพร และกรุงเทพฯ ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า มีสาเหตุมาจากคะแนนนิยมลุงตู่ลดลง และความแตกแยกในพี่น้อง 3 ป. รวมถึงในพลังประชารัฐ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของมวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่เคยเทคะแนนให้ พปชร.เมื่อการเลือกตั้งปี 2562
ทางเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอยู่ไม่มากนัก หากคิดจะเล่นการเมืองต่อ อาจต้องหาพรรคใหม่มารองรับ เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แสดงท่าทีชัดเจนไม่อุ้มน้องรักต่อไป ดังจะเห็นได้จากการที่ส่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย
‘จบแล้วลุงตู่’
ก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ชื่อ “ประยุทธ์” ถูกงัดมาขายในโค้งสุดท้าย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงพร้อมชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สำทับด้วยประโยคที่ว่า “ขอยืนยันความสัมพันธ์ของ 3 ป. Forever ว่า ยังคงแน่นเหนียว เป็นหนึ่งเดียวในทุกๆสถานการณ์”
ว่ากันตามจริง สิระ ดูจะมั่นอกมั่นใจในฐานเสียงและการจัดตั้ง จึงระดมผู้สูงวัยมาฟังการปราศรัยนัดสุดท้าย แล้วให้ลุงป้อมมาบอกกับแฟนคลับว่า พปชร.ยังชูลุงตู่เป็นนายกฯ
ว่ากันว่า ทีมงานธรรมนัสก็ลงไปช่วยสิระ แถวโครงการบ้านมั่นคง และบ้านริมคลองที่เคยสนับสนุน พปชร.ตอนเลือกตั้งใหญ่ แต่หนนี้กลับไม่เข้าเป้า
ดังที่รู้กัน ผลเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ สรัลรัศมิ์ ได้แค่ 7,906 คะแนน ต่างจากปี 2562 สิระขี่กระแสความสงบจบที่ลุงตู่ กวาดมาได้มากถึง 34,907 คะแนน
เลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้ เชียร์ลุงป้อมและผู้กองธรรมนัส พลังประชารัฐก็แพ้ เลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ชูทั้งลุงตู่และลุงป้อมก็พ่ายยับ
‘ปั้นแบรนด์ใหม่’
ย้อนไปดูช่วงเลือกตั้งทั่วไป ปี 2562 จุดอ่อนของ “ประยุทธ์” ก็จะถูกโจมตีเรื่องเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านไม่ได้ แต่พลังประชารัฐดันแคมเปญความสงบจบที่ลุงตู่ กลับตอบโจทย์คนไทย โดยเฉพาะคนเมืองหลวงที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้า ไม่อยากเห็นม็อบเผาบ้านเผาเมือง
ผลจากแคมเปญนี้ ทำให้เอฟซี ปชป.ในกรุงเทพฯ และภาคใต้ เทใจเลือกผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ เพราะเชื่อว่า ลุงตู่เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง และหักโค่นระบอบทักษิณได้
ผ่านมา 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ พานพบปัญหามากมาย รวมถึงความไม่สงบจากการชุมนุมบนท้องถนน ความนิยมลดลงเรื่อยๆ และปัญหาความแตกแยกภายในพลังประชารัฐ ก็เป็นตัวเร่งให้กระความนิยมดิ่งเหว
นับจากนี้ไป ส.ส.กทม.ทั้ง 12 คนของพลังประชารัฐ คงต้องคิดหนักเรื่องอนาคตของตัวเอง เนื่องจากพวกเขาได้เป็น ส.ส.เพราะแคมเปญความสงบจบที่ลุงตู่
ลักษณะพิเศษของสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น จะชี้ขาดชัยชนะที่กระแส ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรคงต้องประเมินอนาคตตัวเอง จะยก พปชร.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วตัวเองก็ไปหนุนพรรคเศรษฐกิจไทย ของผู้กองธรรมนัส หรือจะลากถูลู่ถูกังกันไปอย่างนี้
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะเล่นการเมืองแบบลอยตัวต่อไปไม่ได้ มีคนใกล้ชิดเตรียมตั้งพรรคใหม่รอไว้แล้ว จะเอายังไง คงต้องรีบตัดสินใจ เพราะมีเวลาเหลืออยู่ในอำนาจอีกไม่นานนัก