คอลัมนิสต์

จังหวะก้าว อุตตม-สนธิรัตน์ ตั้งพรรคการเมืองใหม่.. "พรรคสร้างอนาคตไทย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จับจ้องจังหวะก้าวทางการเมืองของ 2 กุมาร "อุตตม-สนธิรัตน์" กับการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ "พรรคสร้างอนาคตไทย" ในวันที่รัฐบาลประยุทธ์ขาลง และทุกพรรคพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่

 

หลังซุ่มทำ พรรคการเมือง มาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว วันนี้ (19 ม.ค.) สองคีย์แมนคนสำคัญของพรรค “สร้างอนาคตไทย” ที่มีฉายาเรียกกันสั้น ๆ ว่า “2 กุมาร” คือ นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลังและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ฤกษ์บ่ายโมงครึ่ง ประกาศชื่อพรรคและเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการขึ้น เพื่อประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้ร่วมอุดมการณ์และผู้ร่วม "สร้างอนาคตไทย" ในทุกมิติและทุกแง่มุม เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน มาร่วมสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย ณ ห้อง World Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

 

จังหวะก้าว อุตตม-สนธิรัตน์ ตั้งพรรคการเมืองใหม่.. "พรรคสร้างอนาคตไทย"

 

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  และ อุตตม สาวนายน สองแกนนำร่วมจัดตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ มีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน และสื่อเรียกขานกันว่า "4 กุมาร" คือ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ อดีตกรรมการบริหารพรรค แต่ล่าสุดมีกระแสข่าวว่านายสุวิทย์ ไม่ขอเข้าร่วมทำงานการเมืองครั้งนี้ด้วย ส่วนผู้ที่กุมบังเหียนพรรค "สร้างอนาคตไทย" อย่างแท้จริง คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร 
 

สุวิทย์ เมษินทรีย์  อดีตรมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ร่วมกลุ่ม 4 กุมาร

 

 

ก่อนที่ กลุ่ม "4 กุมาร" จะหมดบทบาทหน้าที่ ภายหลังการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2563 โดยมี "บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เป็นหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.)พรรคชุดใหม่ รวมไปถึงตำแหน่งสำคัญในพรรค แต่ไร้ชื่อกลุ่ม "4 กุมาร" จนได้ลาออกจากพรรคในที่สุด

 

แต่ถึงแม้ว่ากลุ่ม "4 กุมาร"  จะลาออกจากพรรคพลังประชารัฐมาแล้ว แต่ก็มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเปิดตัว กลุ่มไทยแลนด์ฟิวเจอร์  (Thailand Future Foundation) มี นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ หลานชายของ ดร.สมคิด และ นายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ลูกชายของ ดร.สมคิด เป็นคีย์แมน และนายอุตตม เป็นโต้โผหลักในการเปิดตัวกลุ่มไทยแลนด์ฟิวเจอร์ด้วยตัวเอง จนถูกมองว่าเป็นการเริ่มทำงานทางการเมืองของนายสมคิด และ กลุ่ม "4 กุมาร" ในการตั้งพรรคการเมือง แต่หลังจากนั้น กลุ่มไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ก็ขับเคลื่อนไปด้วยตัวเองในลักษณะการเป็น กลุ่ม Think Tank ของสังคมในด้านต่าง ๆ

 

จังหวะก้าว อุตตม-สนธิรัตน์ ตั้งพรรคการเมืองใหม่.. "พรรคสร้างอนาคตไทย"

 

แต่หลังจากนั้น กลุ่ม 2 กุมาร "อุตตม-สนธิรัตน์" เริ่มขับเคลื่อนงานการเมืองอย่างจริงจัง มีการเข้าพบกับแกนนำพรรคต่าง ๆ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  พรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  หรือแม้แต่พรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช รวมถึงการพบปะพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจการเมือง นักธุรกิจด้านพลังงาน นักบริหาร นักวิชาการ และเครือข่ายภาคประชาชน จนท้ายที่สุดตกผลึกด้วยการเลือกตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ เพื่อสานต่ออุดมการณ์ทางการเมืองให้กับกลุ่มและเจ้าของพรรคตัวจริง ซึ่งนายอุตตม ได้ออกตัวไว้ว่าเขาและนายสนธิรัตน์ ไม่ใช่เจ้าของพรรค "สร้างอนาคตไทย" เป็นแต่เพียงผู้มีส่วนร่วมเท่านั้น 
 

 

อย่างไรก็ดี นายอุตตม ได้บอกถึงแรงบันดาลใจในการออกมาตั้งพรรค "สร้างอนาคตไทย"  ไว้ในเฟซบุ๊กของเขาว่า ..

"หลังจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง ทุกตำแหน่ง เมื่อ ราว 1 ปีครึ่ง ที่ผ่านมา ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจระดับชาติและที่ระดับฐานราก ความขัดแย้งทางการเมืองที่ถลำลึก เรื่องความยุติธรรมที่เป็นปมปัญหาและไม่เสมอภาคของประเทศ ที่ทำให้ประเทศ ทำให้คนไทยเสียโอกาส ด้วยความห่วงใยมาโดยตลอด

 

ระยะเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา พวกผมได้มีโอกาสรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลากแวดวง และได้พบปะพี่น้องประชาชนในหลายกลุ่ม หลายจังหวัด ที่ต่างส่งเสียงสะท้อนปัญหาว่ากำลังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศ และไม่เห็นผู้คนในโครงสร้างของวันข้างหน้า

 

มีข้อเสนอมากมายที่ให้พวกเราเข้าร่วมกับพรรคการเมืองต่าง ๆ รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองที่ไวต่อความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตของไทย จากการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกับกลุ่มคนที่ต้องการหาทางออกของประเทศ จึงได้ตัดสินใจร่วมกันว่า เราควรร่วมกับผู้มีจิตสาธารณะฟื้นฟูประเทศ ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา โดยการรวบรวมผู้คนเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทุกรุ่นทุกวัย มีส่วนร่วมผสานรอยต่อในการสร้างอนาคตของประเทศร่วมกัน"

 

"คมชัดลึก" หันมองดูจังหวะก้าวของพรรคการเมืองใหม่ ในชื่อ พรรค "สร้างอนาคตไทย" ที่รวบรวมขุนพลมือดี ทั้งจากกลุ่มคนการเมืองที่เป็นอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้มีการเปิดชื่อ เปิดตัวกันมาบ้างแล้ว อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ  นายสุพล ฟองงาม นายสันติ กีระนันทน์ มาไว้ในสังกัด ควบคู่กับการทาบทาม เทียบเชิญ และเชิญชวนผู้คนจากหลายสาขาอาชีพ นักวิชาการ นักบริหาร นักธุรกิจชื่อดัง หรือแม้แต่ภาคประชาชน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริงให้เข้าร่วมทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ ๆ บนเส้นทางใหม่ ๆ เพื่ออนาคตประเทศไทย ภายใต้การขับเคลื่อนพรรคของนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ 

 

จังหวะก้าว อุตตม-สนธิรัตน์ ตั้งพรรคการเมืองใหม่.. "พรรคสร้างอนาคตไทย"

 

ทำไมนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ จึงเลือกเปิดตัวพรรคในห้วงเวลานี้ คำตอบนั้นคอการเมืองคาดเดาได้ไม่ยากนัก เพราะสถานการณ์การเมืองไทยในปี 2565 นี้ มีโอกาสเกิดความพลิกผันและเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ไม่น้อย ซึ่งมีปัจจัยมาจากรัฐธรรมนูญที่เปิดทางให้มีการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ (ส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน) ประกอบกับกฎหมายลูกประกอบการเลือกตั้ง คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จะถูกบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือนมกราคมนี้ และอาจคลอดกฎหมายออกมาบังคับใช้ได้อย่างช้าคือกลางปี 2565 นี้ 

 

เมื่อกฎหมายเลือกตั้งพร้อม เข็มนาฬิกาของการเลือกตั้งมีโอกาสเดินหน้าได้ทันที เพราะอายุรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเหลือเพียง 1 ปีเศษ และอยู่ในช่วงขาลง ไม่นับอายุการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่จะต้องดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่เกิน 8 ปี จะต้องสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคมนี้หรือไม่ รวมทั้งปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง จะสามารถทำงานร่วมกันและประคับประคองกันไปจนหมดวาระในเดือนมีนาคม 2566 ได้จริงหรือไม่ เพราะอย่างกรณีล่าสุด ศึกเลือกตั้งซ่อมส.ส.สงขลา เขต 6 และชุมพร เขต 1 ของสองพรรคใหญ่ “พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์” ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาก จนถึงขั้นกล่าวหากันว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งกันเลยทีเดียว

 

ดังนั้น การตัดสินใจเปิดตัวพรรค "สร้างอนาคตไทย" ของ  "สองกุมาร" ในอุ้งมือ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ในช่วงเวลานี้ จึงเป็นการวางหมากเกมทางการเมืองที่พร้อมจะออกรบและสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น เพราะช่วงเวลาที่เหลือจากวันนี้ คือการเร่งสร้างแบรนด์ของพรรคให้เป็นที่จดจำและเป็นที่ยอมรับของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ทั้งในส่วนของหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค กรรมการบริหารพรรค นโยบายของพรรค โดยเฉพาะการโชว์กึ๋นในการแก้ไขปัญหาในทุกด้านของประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รวมถึงอุดมการณ์ของพรรค ดังที่นายอุตตม ได้โยนหินถามทางเอาไว้เกี่ยวกับการเปิดตัวพรรคในวันนี้ว่า สองปีหายไปไหน? ตั้งพรรคใหม่? ชื่ออะไร? ใครร่วมบ้าง? อยู่ขั้วไหน? เป็นอะไหล่-นอมินีให้ใคร? แคนดิเดต นายกฯ ชื่อสมคิด หรือเป็นใคร เศรษฐกิจแย่ แก้อย่างไร? นโยบายทำได้จริงไหม? 

 

จังหวะก้าว อุตตม-สนธิรัตน์ ตั้งพรรคการเมืองใหม่.. "พรรคสร้างอนาคตไทย"

 

อย่างไรก็ตาม พรรค "สร้างอนาคตไทย" จะเป็นพรรคการเมืองในฝันของคนไทยได้จริงหรือไม่ แต่การเลือกเปิดตัวพรรคในช่วงจังหวะหลังเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ภาคใต้นี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีเพราะได้ประเมินพรรคคู่แข่งและพรรคการเมืองต่าง ๆ ซึ่งพรรค "สร้างอนาคตไทย" อาจประเมินแล้วว่ามีโอกาสชนะเลือกตั้ง รวมถึงความนิยมในรัฐบาลปัจจุบันที่กำลังหดหาย การกล้าเสี่ยงมาเล่นการเมือง ด้วยการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ จึงถือเป็นความเสี่ยงในการลงทุนและต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ผลงานของพรรคให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศ

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ