
อย่าเพิ่งชะล่าใจโอไมครอนเป็นตัวปิดเกม เผยหลังปีใหม่ผู้ป่วยโควิด-19 พุ่ง
นักกฎหมายผู้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเส้นด้าย เผยสถานการณ์ แพร่ระบาดโควิด-19 หลังปีใหม่มีผู้ป่วยโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือจำนวนมาก หมอเผยอย่าเพิ่งชะล่าใจโอมิครอนเป็นตัวปิดเกม
สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รวมถึงการกลายพันธุ์ของโอไมครอน ช่วงหลังปีใหม่ พบว่า มีสถิติการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ล่าสุด ศบค.รายงานเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 65 พบผู้ติดเชื้อสะสมถึง 5,000 ราย
รายการคมชัดลึก โดย คุณวราวิทย์ ฉิมมณี ผู้ดำเนินรายการ ได้เชิญ คุณคริส โปตระนันทน์ นักกฎหมายผู้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเส้นด้าย และ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล มาร่วมพูดคุย ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และการกลายพันธุ์โอไมครอน ล่าสุด
คุณคริส โปตระนันทน์ นักกฎหมายผู้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเส้นด้าย กล่าวว่า ปัจจุบันหลังปีใหม่มีการโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือจากกลุ่มเส้นด้ายจำนวนหลายร้อยสาย จนสายไหม้ ต่างจากเดือนธันวาคมที่เข้ามา 5-10 สายในแต่ละวัน แต่หลังจากเทศกาลปีใหม่ วันละ 300 สายและได้มีการหาเตียงสนับสนุน 200 เตียง ซึ่งเน้นภาระกิจการส่งผู้ป่วยไปให้กับโรงพยาบาลที่รองรับ โดยธันวาคมอัตราการตรวจเจอผู้ป่วย 0.3 เปอร์เซ็นต์ โดยเมื่อลงไปตรวจในพื้นที่ก็พบจำนวนน้อยมาก
เส้นด้าย ประเมินว่าตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อหลังปีใหม่ จำนวนตัวเลขน่าจะมากกว่า 3,700 ราย และจะมีตัวเลขสูงถึงกว่า 3-5 เท่าตัว และพบว่ามีคนที่ติดเชื้อเดลต้า มาติดโควิดซ้ำ และหากการบริหารจัดการยังไม่ดีอาจดี อาการของผู้ติดเชื้อจะมีการพัฒนาอาการจากสีเขียว และกลายเป็นสีเหลืองและสีแดงได้
ขณะนี้พบว่าการติดเชื้ออยู่ในชุมชนจำนวนมากในเมืองหลวง แต่ปัจจุบันที่น่ากังวลคือมีการปิดตัวของ hospitel และโรงพยาบาลสนาม ก็ถอนตัวไปจำนวนมาก จึงอยากให้ภาครัฐต้องหามาตรการรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะตามมาจำนวนมาก
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
ฟันธงอันตรายมาก สำหรับการแปลข้อมูลของโอมิครอนว่าเป็นวัคซีนธรรมชาติ ถึงแม้โอมิครอน ข้อมูลเบื้องต้น ทั้งในเขตแอฟริกาใต้ ยุโรป หรือแม้กระทั่งอเมริกาเอง มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเร็วมาก แต่ว่าผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตไม่ได้สูงขึ้นตามนั้น เหตุผลหลักคือภูมิคุ้มกันที่มีอยู่เดิม จากการฉีดวัคซีน ตัวโอมิครอนเองความรุนแรงอาจจะไม่ได้ด้อยกว่า สายพันธุ์อื่น แต่เราโชคดีคือมีการฉีดวัคซีนกันมาแล้ว แต่ถ้าเราไปเชื่อว่าการติดโอมิครอนจะทำให้เรามีภูมิคุ้มกัน เป็นเหมือนวัคซีนธรรมชาติเป็นเรื่องอันตราย
โดยหลักการของวัคซีนคือการกระตุ้นภูมิทำให้เราไม่ป่วย แต่การติดโอมิครอนจะทำให้เราล้มป่วย หลายคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จะป่วย บางรายก็จะเสียชีวิตแบบนี้ไม่ใช่หลักการของวัคซีน
ส่วนโอมิครอนจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ทำให้โควิดจบลงหรือไม่ คุณหมอมานพกล่าวว่า "เราไม่สามารถบอกอะไรได้ เมื่อก่อนเราคิดว่าเดลต้าคือจุดสูงสุดของความสามารถของโควิด จนเมื่อมีโอมิครอนเกิดขึ้น ของที่เราคิดไม่ถึงมันเกิดขึ้นได้เพราะฉนั้นอย่าพึ่งสรุปว่าโอมิครอนจะเปลี่ยนทุกอย่าง แต่ลึกๆผมยังเชื่อว่าโอมิครอนจะทำให้การระบาดจุดสูงสุดหยุดได้เร็วขึ้น แต่จะเป็นจุดสิ้นสุดหรือเปล่า ยังตอบไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆทำให้กระบวนการระดมฉีดวัคซีน เกิดเร็วขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น ตรงนี้ต่างหาก คือเป็นตัวกำหนด เป็นจุดสิ้นสุด"