คอลัมนิสต์

รูัจัก บิ๊กหยม "พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช" เลขาธิการพรรคไทยภักดีคนแรก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สร้างเซอร์ไพรส์ เรียกเสียงฮือฮา คอการเมือง เมื่อ หมอวรงค์ หัวหน้าพรรคไทยภักดี เปิดตัว บิ๊กหยม "พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช" อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเลขาธิการพรรคฯ.. มาทำความรู้จัก บิ๊กหยม พล.ต.ท.ชาญเทพ และที่ไปที่มาของการมานั่งเก้าอี้ใหญ่ทำงานให้กับพรรคไทยภักดี

ย้อนไปเมื่อ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา  นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2565 พรรคไทยภักดี มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่1/2565 ที่ประชุมมีมติเลือก บิ๊กหยม "พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช" เป็นเลขาธิการพรรคฯ ซึ่งสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ให้กับคนทั่วไปว่า "พล.ต.ท.ชาญเทพ" อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คนในแวดวงสีกากี มาเป็นหัวเรือใหญ่นั่งตำแหน่งเลขาธิการฯ ให้กับพรรคไทยภักดีได้อย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ใครส่งมา

 

ที่จริงแล้ว บิ๊กหยม "พล.ต.ท.ชาญเทพ" ได้คุยกับ นพ.วรงค์ มาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจมานั่งเป็นเลขาธิการพรรคไทยภักดี ที่มาก็คือ หมอวรงค์ สนใจ บิ๊กหยม เพราะทราบว่า บิ๊กหยม เคยได้รับการแต่งตั้งจากนายถาวร เสนเนียม เมื่อครั้งเป็น รมช.คมนาคม ให้เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง การทุจริตในบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติ ย่อมไม่ธรรมดา

 

ขณะที่ นพ.วรงค์ กับนายถาวร  สนิทสนมกันมาก ตั้งแต่อยู่พรรคประชาธิปัตย์และเป็น กปปส. ด้วยกัน ทีมงานนายถาวรจึงช่วยประสานให้ทำให้ นพ.วรงค์ และ"พล.ต.ท. ชาญเทพ" เจอกัน ซึ่ง นพ.วรงค์ ได้ชักชวนให้ "พล.ต.ท.ชาญเทพ" มาช่วยทำงานทางการเมืองให้กับพรรคไทยภักดี  "พล.ต.ท.ชาญเทพ" ขอเวลาตัดสินใจ และต่อมา นพ.วรงค์ กับ พล.ต.ท. ชาญเทพ ก็ได้นัดเจอกันอีกหลายครั้ง

ครั้งหลัง ๆ นายถาวร ก็มาด้วย และเมื่อ "พล.ต.ท.ชาญเทพ" ตกลงว่าจะมาทำงานทางการเมืองให้กับพรรคไทยภักดี ก็ได้ทำเรื่องกราบบังคมทูลลาออกจากตำรวจราชองครักษ์พิเศษ   ส่วนนายถาวร จะมาทำงานให้กับพรรคไทยภักดี ด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอดูกันต่อไปซึ่ง นพ.วรงค์ ก็ได้ชักชวนให้มาร่วมงานทางกับพรรคไทยภักดีเช่นกันแต่นายถาวร ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

 

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ หมอวรงค์ เคยบอกว่า พรรคไทยภักดี ยังมีไพ่อีกหลายใบที่เขาจะเปิดหน้าไพ่ออกมาให้ผู้คนได้ฮือฮา โดยจะเปิดหน้าไพ่ทีละใบ และจะเปิดทีมงานชุดใหญ่ทั้งหมดในปลายเดือนมกราคมนี้ และเชื่อมั่นว่าด้วยคนที่มีคุณภาพของพรรคไทยภักดี จะทำให้พรรคไทยภักดีไปได้ แม้ว่ากติกาในปัจจุบัน ระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ จะเอื้อให้กับพรรคการเมืองใหญ่ก็ตาม  

 

สำหรับประวัติของ "พล.ต.ท.ชาญเทพ" ในแวดวงตำรวจเรียกเขาว่า บิ๊กหยม เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล-อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ 

เขาจบโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 (นรต.36) เป็นเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  

 

ชีวิตราชการ-เส้นทางในวงการสีกากี บิ๊กหยม เป็นนายตำรวจได้ทั้งสายบู๊-สายบุ๋น และค่อนข้างโลดโผนโจนทะยาน ไต่เต้าจากรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช  รองสารวัตรแผนก 3 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือสืบสวนคดีสำคัญ เช่น คดีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์  คดีจับตายลูกน้องตี๋ใหญ่คนสุดท้าย

 

อย่างไรก็ตาม ชีวิตนายตำรวจสัญญาบัตร-ยศร้อยตำรวจโท ต้องถูกโยกมาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ก่อนจะขอย้ายมาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรตำบลทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และได้ขึ้นเป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลฉลุง อำเภอเมืองพัทลุง ก่อนจะย้ายกลับมาเป็นสารวัตรแผนกประวัติและจัดกำลัง กองกำกับการกำลังพล กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นสารวัตรแผนก 2 กองกำกับการ 1 กองปราบปราม และสารวัตรแผนก
5 กองกำกับการ 1 กองปราบปราม

 

ไปเป็นรองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจรถไฟ  รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจป่าไม้  เป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ  โยกมาเป็น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจป่าไม้  ผู้กำกับการกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดนย้ายไปเป็นผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจน้ำ-รองหัวหน้าชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด

 

ชีวิตตำรวจของ “พล.ต.ท.ชาญเทพ” ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นรองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ย้ายเป็นรองผู้บังคับการหัวหน้าศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 รองผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ

 

ติดยศนายพลในตำแหน่งผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จากนั้นไปเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี และผู้บังคับการตำรวจน้ำ

 

ต่อมาปี 2553 รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล จากนั้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มือทำงานเบื้องหลังปิดคดีระเบิดศาลพระพรหม แยกราชประสงค์   ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตามลำดับ ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดบนเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560

 

เข้าสู่วงโคจรอำนาจทางการเมืองจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในยุค คสช. เมื่อ 13 ตุลาคม 2559

 

เขาเคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง สนช.  ว่ามีทรัพย์สินจำนวน 128,284,977 บาท 

 

ชีวิตหลังเกษียณไปทำสวนทำไร่ที่เขาใหญ่ และเป็นทีมงานช่วยงานนายถาร เสนเนียม และล่าสุดมานั่งเป็นเลขาธิการพรรคไทยภักดี คนแรก  


 

 

logoline