คอลัมนิสต์

ดุลกำลังทางทหารใน "ตะวันออกกลาง" เปลี่ยนแปลงไปโดยพื้นฐานแล้ว โดยรามจักร

ดุลกำลังทางทหารใน "ตะวันออกกลาง" เปลี่ยนแปลงไปโดยพื้นฐานแล้ว โดยรามจักร

03 ม.ค. 2565

ดุลกำลังทางทหารใน "ตะวันออกกลาง" เปลี่ยนแปลงไปโดยพื้นฐานแล้ว การถอนทหารสหรัฐฯออกจากอิรัก ทำให้ดุลกำลังทางทหารเริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อใดต้องถอนทหารออกจากซีเรียอีก เท่ากับสูญเสียพื้นที่ภูมิยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลางสิ้นเชิง ติดตามได้ที่เจาะประเด็นร้อน โดยรามจักร

1.สหรัฐและอังกฤษคือแกนนำสำคัญของฝรั่งที่มีอำนาจ อิทธิพลทางทหารใน "ตะวันออกกลาง"มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วทั้ง"ตะวันออกกลาง" และเตรียมการที่จะตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งไอซิสในพื้นที่รอยต่อของอิรัก และซีเรีย ซึ่งมีพลังงานน้ำมันมากที่สุดในภูมิภาคนั้น แต่แผนการดังกล่าวถูกทำลายลงในสมัยประชุมสามัญครั้งที่ 72 ของสหประชาชาติโดยรัสเซียไม่ยอมรับแผนดังกล่าวและจัดส่งทหารเข้าช่วยอิรัก และซีเรียทำลายกองกำลังในพื้นที่ที่จะจัดตั้งประเทศใหม่นั้นจนแตกสลายไป 

 

2.สหรัฐฯยังคงมีกองทหารอยู่ในอิรักและซีเรียโดยเฉพาะพื้นที่แหล่งพลังงานน้ำมันและถูกต่อต้านโดยพันธมิตรรัสเซีย อิหร่าน ซีเรีย และอิรัก โดยได้รับการสนับสนุนจากจีนด้วย กลุ่มพันธมิตรดังกล่าวทำสงครามต่อต้าน และต้องการขับไล่ทหารสหรัฐออกจากอิรักและซีเรียโดยสิ้นเชิงโดยกำหนดกลยุทธ์การสงครามในซีเรียคือ ตีโดยไม่ต้องล้อมและกลยุทธ์การสงครามในอิรักคือ ล้อมแต่ไม่ต้องตี ซึ่งทั้ง 2 กลยุทธ์นี้ คือกลยุทธ์หลักที่เหมาเจ๋อตุงเคยใช้ในการปลดแอกภาคอิสานของจีนนั่นคือยุทธการ เหลียวเสิ่น โดยใช้กำลังทหารแสนห้าหมื่นคนของกองทัพตงเป่ย รบเอาชนะกองทัพ 5 แสนคนของก๊กมินตั๋งอย่างงดงาม

หลังการลอบสังหารนายพล กอซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพกุสแห่งอิหร่านพร้อมกับผู้นำฝ่ายทหารของอิรักในอิรักแล้ว ทั้งผู้นำศาสนาสูงสุดของมุสลิมโลก และผู้นำสูงสุดทางศาสนาของอิรัก ได้ออกคำฟัตวาให้มุสลิมทั่วโลกทำสงครามศาสนากับสหรัฐ เพื่อขับไล่ออกจากดินแดนอิสลามแห่งนี้ มีมุสลิมลงชื่อเข้าสงครามเกือบ 4 ล้านคน และเกิดสงครามจลยุทธ์ทั่วอิรัก จนในที่สุดสหรัฐจำเป็นต้องถอนทหารออกจากอิรักจนหมดสิ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2565 

 

3.สหรัฐฯสูญเสียยุทธภูมิในอิรักไปแล้ว ทำให้ยุทธภูมิในซีเรียยิ่งโดดเดี่ยว ขบวนการปฏิวัติอิสลามสารพัดขบวนการได้ลอบโจมตีกองทหารของสหรัฐอย่างถี่ยิบ ในขณะที่การใช้กำลังทางอากาศเพื่อสนับสนุนกองกำลังทหารของสหรัฐในซีเรียไม่สามารถกระทำได้ เพราะถูกขัดขวางจากฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือของรัสเซียในซีเรีย คาดว่าอีกไม่นานจากนี้ไปกลยุทธ์การตีโดยไม่ต้องล้อมในซีเรียจะเกิดผลมากขึ้น และคาดว่าสหรัฐจะต้องถอนทหารออกจากซีเรียตามอิรักไปด้วย

4.ถอนทหารสหรัฐฯออกจากอิรักทำให้ดุลกำลังทางทหารในตะวันออกกลางเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว และถ้าเมื่อใดต้องถอนทหารออกจากซีเรียอีก ก็เท่ากับการสูญเสียพื้นที่ภูมิยุทธศาสตร์สำคัญใน "ตะวันออกกลาง" อย่างสิ้นเชิงสถานการณ์ทางทหารจะยกระดับจากการเปลี่ยนแปลงดุลขั้นพื้นฐานไปสู่การล่าถอย

 

เพราะผลจากการนี้ทำให้ประเทศอาหรับริมอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน ไม่ว่าบาห์เรนซึ่งเป็นฐานทัพของกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ กาตาร์ ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐรวมทั้ง UAE โอมาน และคูเวต ซึ่งเป็นฐานทางการทูต และการต่างประเทศในตะวันออกกลาง ก็ต้องเปลี่ยนสีแปรธาตุ

 

ซึ่งขณะนี้ก็เห็นปรากฏการณ์ชัดเจนจากการที่ประเทศเหล่านี้วิ่งไปจับมือกับประเทศอิหร่านกันจ้าระหวั่น ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียก็ไม่มั่นใจในความคุ้มครองของสหรัฐอีกต่อไปได้พลิกตัวเจรจากับอิหร่าน และร่วมมือกับรัสเซีย และจีนมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในตะวันออกกลางทั้งสิ้น และแน่นอนว่าย่อมเป็นผลดีต่อ เยเมนในการปลดแอกประเทศจากการยึดครองของซาอุฯอย่างสิ้นเชิง

 

5.ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ย่อมสร้างความตระหนกแก่อิสราเอลอย่างชัดเจน และทำให้สถานการณ์ปัจจุบันของอิสราเอลอยู่ในความเสี่ยงภัยอย่างยิ่ง เพราะขบวนการฮะมาส และฮิซบุลลอฮ์ ของเลบานอน และปาเลสไตน์ รุกเข้าประชิดที่ราบสูงโกรันแน่นหนามากขึ้น และยังมีกำลังสนับสนุนจากขบวนการอันซอลุนเลาะ และกองทัพกุส ชนิดเต็มอัตราศึก ซึ่งแม้ว่าอิสราเอลแสดงท่าทีชิงโจมตีอิหร่านก่อนแต่คงทำไม่ได้แล้ว เพราะจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ถึงขนาดลบอิสราเอลออกจากแผนที่ในพริบตาเดียวเท่านั้น

 

6.การเปลี่ยนแปลงดุลภาพการทหารในตะวันออกกลางย่อมกระทบต่อระบบการเงิน คือ เปโตรดอลลาร์ของสหรัฐอย่างรุนแรง ถึงขนาดอาจเป็นดอลลาร์กงเต๊ก ยิ่งรัสเซีย จีน เทดอลลาร์ชนิดไม่ไว้หน้า และเป็นระบบการซื้อขายด้วยเงินตราสกุลท้องถิ่นแทนดอลลาร์ด้วยแล้ว ยิ่งเร่งวันล่มสลายของเปโตรดอลลาร์ให้เร็วขึ้นและส่งผลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดที่ยูเครนและทะเลจีนใต้ด้วยซึ่งแม้ว่ามีอาการรุนแรงมาก

 

แต่แท้จริงทั้งรัสเซีย และจีนเพียงตั้งมั่นรอวันล่มสลายไปเองก็ได้ หรือจะเปิดศึกรุกยูเครน และยึดไต้หวันพร้อมกันก็ยังได้

 

เหล่านี้ คือความเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการทหารของโลกที่มีนัยยะสำคัญที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง