คอลัมนิสต์

บทบาท5พรรค บนสนามเลือกตั้งซ่อมส.ส.-ผู้ว่าฯกทม. มั่นใจสูงหรือแค่ขาสั่นสู้

บทบาท5พรรค บนสนามเลือกตั้งซ่อมส.ส.-ผู้ว่าฯกทม. มั่นใจสูงหรือแค่ขาสั่นสู้

15 ธ.ค. 2564

หากมองไปยังลีลาของ 5 พรรคการเมือง ที่มีบทบาทนำบนเวทีการเมือง ตอนนี้ก็มีทั้งเร่งชิงกระแสชนิดมั่นใจตัวเองสูง กับอีกประเภท ที่กำลังหาญกล้าท้ารบ เพียงแต่ขาสั่นสู้ ติดตามการวิเคราะห์สำคัญ ที่เจาะประเด็นร้อน โดย เมฆาในวายุ

 

จังหวะการเมืองยามนี้-ปีหน้า ร้อนขึ้นเรื่อยๆ หากมองไปยังลีลาของ 5 พรรคการเมือง ที่มีบทบาทนำบนเวทีการเมือง ตอนนี้ก็มีทั้งเร่งชิงกระแสกับกำลังขบคิดอย่างหนักบนเกมเสี่ยงเช็คความนิยม 

 

เริ่มด้วย "พรรคพลังประชารัฐ" พรรคแกนนำตั้งรัฐบาลชุดนี้ ต้องหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.กันใหม่ (ครั้งแรก"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" อดีตผบ.ตร.ถอนตัว) หลัง"ผู้ว่าฯหมูป่า"ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯปทุมธานี ส่งเสียงชัดล่าสุด "คุณสมบัติไม่ครบและขอรับราชการจนเกษียณ"  

 

ส่วนผู้ว่าฯเมืองหลวงคนปัจจุบัน"พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง"จะได้รับสิทธินี้จากพปชร.หรือไม่นั้น"ก็ยังไม่ชัด..." เนื่องจากเบื้องต้น"จักรพันธุ์ พรนิมิตร" แกนนำภาคกทม.บอกชัดหลายวันก่อนทำนองว่า"ไม่แฮปปี้กับชื่อนี้"

 

แม้บางคนมองว่าพล.ต.อ.อัศวิน จะเป็นหนึ่งในใจของสร.1และมีทีมงานรักษ์กรุงเทพไว้เป็นกำลังเสริมในการลงสมัครส.ก.หลายสิบคนแล้วก็ตาม  เพราะมีกระแสว่า"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ไปตามคนของพรรคกลับมาสวมเสื้อพรรคลงแข่งขันในสนามกทม.และ"ลุงป้อม"บอกสื่อมวลชนล่าสุดว่า"ไม่ยืนยันว่าจะหนุนพล.ต.อ.อัศวินหรือไม่"

 

รวมทั้งการส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพร เขต 1 และสงขลา เขต 6  ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ม.ค. 2565 โดยแกนนำ พปชร.จะคุยกันอีกครั้งวันที่ 21 ธ.ค.นี้ว่า จะเอาอย่างไรกับการปักธงสองเขตนี้  (แต่เชื่อว่าสุดท้ายพปชร.ต้องส่งคนลงแข่งขัน และหาแกนนำที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว เพราะพล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ และพ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ในฐานะเพื่อนรัก"พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา" ที่เคยร่วมมือกันจัดทัพผู้สมัครส.ส.ทั่วภาคใต้ ในนามพลังประชารัฐย้ายขั้วแล้ว โดย"พล.ต.กลชัยหรือ เสธ.แอ๊ด" ไปหนุนพรรคภูมิใจไทย ส่วน"ผู้การชาติ" ไปขึ้นฝั่งกับพรรคกล้า)

 

เหตุที่ประเมินว่าสุดท้ายแล้ว หัวหน้าพรรคพปชร.จะลงนามส่งผู้สมัครผู้แทนราษฎรในสองเขตปักษ์ใต้นั้นแม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อมก็ตาม (แม้วันข้างหน้า"ตระกูลจุลใส"จะย้ายสังกัดมาอยู่กับลุงป้อม...)  

 

แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมาพปชร.ลุยปักธงสนามเลือกตั้งซ่อมส.ส. เช่น นครศรีธรรมราช เขต 3, สมุทรปราการ เขต 5 ,ลำปาง เขต 4, ขอนแก่น เขต 7  และรวบชัยชนะไว้ได้โดยหลายเขตนั้นมีการอ้างว่าเป็นผลงานและลีลาของเลขาธิการพรรค "ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า" และตอนนี้ผู้กองคนดังทยอยเปิดตัวสมาชิกพรรคในหลายจังหวัดโดยเฉพาะปักษ์ใต้ที่ทาบทามบางคนในครอบครัว"ธรรมเพชร"มาเตรียมลุยสนามพัทลุง เพราะมองว่าไม่ช้านานคดีเสียบบัตรแทนกันของ 2 ส.ส.เขตหนึ่งและเขตสอง จ.พัทลุง (จะนับรวมเขตดุสิต-บางซื่อพ่วงด้วยก็ได้เพราะ"ธนิกานต์ พรพงศาโรจน์" ส.ส.กทม.พปชร.ก็โดนข้อหานี้ด้วย) จะมีผลคำวินิจฉัย (มีโอกาสเลือกตั้งใหม่สูงทั้งสามเขตข้างต้น)    

 

หากต้องลงคะแนนใหม่ก่อนเลือกตั้งใหญ่ แม้เวลาจะเหลือไม่นานกับสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 28  แต่เชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งซ่อมขึ้นมาจริง รับรองว่าต้องมีการแข่งขัน โดยเฉพาะพรรคต่างๆที่หวังปักธงไว้ให้ได้ แม้ส.ส.เหล่านี้จะมีเวลาทำงานไม่นานนัก แต่มันมีผลทางจิตวิทยาการเมืองในพื้นที่นั้นๆ สำหรับการเลือกตั้งงวดถัดไป

 

มองลงไปให้ลึก พบว่า "ผู้กองคนดัง" หวังสะสมกำลังพลที่มีในมือในตอนนี้ไว้ให้มากสุด เพื่อวันข้างหน้าจะได้มีแต้มต่อทางการเมือง หลังต้องเจ็บปวดกับการโดนปลดกลางอากาศจากเก้าอี้รมช.เกษตรและสหกรณ์จากปลายปากกาของ"ลุงตู่"   

 

เพราะหากวันนั้น"ผู้กองคนดัง"จับพลัดจับผลูแบบจังหวะผีจับยัด" มีส.ส.ในมุ้งหลายสิบคน" การต่อรองทางการเมืองของ"ผู้กองคนดัง"จะมากขึ้นหลายอัตรา...คราวนี้เองแรงบีบจะตกอยู่กับ3ป.หรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าคิด...


ข้อมูลจากสื่อท้องถิ่นจ.ชุมพร รายงานไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า มีผู้เสนอตัวลงสมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 แทน" ชุมพล จุลใส" อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์  4 คน คือ 1. อิสรพงษ์ มากอำไพ( อดีตผู้ช่วย ส.ส.ของชุมพล และเลขานุการนายก อบจ.ชุมพร) ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะส่งชายคนนี้ลงสมัคร  2.  ชวลิต อาจหาญ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ( อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตรว่าจะส่งผู้สมัคร ส.ส.หรือไม่)  3. พ.ต.อ. ทศพล โชติคุตร์  พรรคกล้า 4. สมบูรณ์ หนูนวล (อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ) ปัจจุบันสังกัดพรรคภูมิใจไทย(แต่พรรคภท.ยืนยันไม่ส่งคนลงแข่งขันแล้ว)


ส่วน เขต 6 สงขลาซึ่งจะต้องทดแทน"ถาวร เสนเนียม"นั้น เบื้องต้นชัดแล้วว่า พรรคสีฟ้าส่ง"สุภาพร กำเนิดผล" ในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ และ"อนุกูล พฤกษานุศักดิ์" (ลุ้นรอไฟเขียวในฐานะตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ ) ด้านพรรคกล้าเคาะ"พงศธร สุวรรณรักษา" (ทนายอาร์ม) เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตนี้

 

ตรงนี้รอดูว่าสุดท้ายจะมีกี่พรรคลงสนามและพรรคใดจะคว้าชัย...รวมทั้งจะมีเอฟเฟกต์ทางการเมืองระหว่างขั้วใดเกิดขึ้นบ้าง หลังวันที่16ม.ค.ปีหน้ารู้ผล...

 

มาที่ "พรรคประชาธิปัตย์"หลังเปิดตัว ดร.เอ้ "สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.พร้อมผู้สมัครส.ก.50 เขต รวมทั้งเคาะชื่อผู้สมัครส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ภาคใต้สองเขตแล้วนั้น  แกนนำพรรคชุดนี้หวังใจยิ่งว่าจะกู้วิกฤตให้กลับมาให้จงได้รวมทั้งยังหวังที่จะเร่งดึงแต้มที่เคยร่วงไปหลายเขตจากหลากจังหวัดคืนมา

 

แม้ความจริงแล้วภาคเหนือ-อีสาน-กลางคือพื้นที่เปราะบางของปชป.ที่หลายสิบปีมานี้ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็เจาะพื้นที่ใหม่ไม่ได้และยังเสียส.ส.ในฐานเสียงเดิมไปหลายคน และต้องรอดูว่าจะใช้ใครและวิธีใดในการหาแต้มจากพื้นที่ข้างต้น

 

หากมองความในใจของแกนนำปชป.นั้น น่าจะอ่านออกได้ว่าพวกเขาหวังใจยิ่งว่าอย่างน้อยปักษ์ใต้ที่หดไปหลายเก้าอี้ต้องกลับคืนมาเพราะเชื่อว่าพี่น้องในพื้นที่เหล่านี้ยังเชื่อมั่นอุดมการณ์ปชป. แต่เอาเข้าจริงแล้วคู่แข่งที่ทำลายความเชื่อนี้ของแกนนำปชป.ด้วยหลากวิธีในการหย่อนบัตรคราวที่แล้วคงไม่พลาดที่จะเสียพื้นที่เหล่านั้นคืนกลับไป

 

ส่วนสนามกทม.หลังเปิดตัวดร.เอ้  ปรากฎว่า สื่อและโลกออนไลน์จับภาวะผิดสังเกตการอ้างอิงของดร.เอ้ว่า "อาจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์"ที่สั่งสอนดร.เอ้ เป็นทายาท"อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์"นั้น  โดยอาจารย์จากสถาบัน MIT คนดังกล่าวตอบแล้วว่า"ไม่ใช่ทายาทนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกคนดังกล่าว...." แม้ดร.เอ้จะอ้างว่าได้รับฟังจากรุ่นพี่ในสถาบันเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องนี้และเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจก็ตาม

 

นี่อาจเป็นการส่งสัญญาณไปถึงการขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในสนามกทม. ต่อจากนี้ไปที่ต้องเจอแรงเสียดทานจากฝ่ายตรงข้าม 

 

เพียงแค่ออกสตาร์ทเปิดตัวคนเด่นดังหวังเป็นตัวแม่เหล็ก ก่อนใครเพื่อน ก็ไม่อาจหนีพ้นขบวนการรับน้องทำลายเครดิตที่จะต้องตามมาเป็นระยะๆ  

 

ถัดมา "พรรคภูมิใจไทย" พรรคสีน้ำเงินไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.ภาคใต้ทั้งสองเขตในคราวนี้ นัยว่าเป็นมรรยาททางการเมือง  โดยเรื่องนี้ชัดเจนจากหัวหน้าพรรค"อนุทิน ชาญวีรกูล" และยังบ่งชี้ว่า"ภท.ไม่แข่งขันในสนามเมืองหลวงอีกด้วย" อาจเป็นเพราะ"เสี่ยหนู"รับบทเรียนจากเลือกตั้งครั้งที่แล้วหลังทาบทามอดีตส.ก.หลายคนจากค่ายสีฟ้ามาลุ้นแต่ก็พ่ายยับ....

 

โดยหมากล่าสุด"คนโตอีสานใต้"ซึ่งเป็นบิ๊กบอสตัวจริงค่ายสีน้ำเงินหวังปักหมุดในพื้นที่ที่มีลุ้นสุดๆจะหวังผลได้มากกว่าโดยเฉพาะหลายเขตในอีสาน-กลาง-ใต้  ขณะเดียวกันต้องจับตาว่า"สองเขตในจ.พัทลุง"ที่รอลุ้นผลคดี"เสียบบัตรแทนกัน"ของสามผู้แทนฯแดนเทือกเขาบรรทัดนั้น ภท.จะวางใครไว้แทน"ภูมิศิษฎ์ คงมี ผู้แทนฯเขต1/ฉลอง เทอดวีระวงศ์ ส.ส.เขต2" และบวก"นาที รัชกิจประการ"อดีตส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในฐานะแกนนำพื้นที่ภาคใต้ไปอีกคนด้วยก็ได้ เพราะเจ๊เปี๊ยะโดนตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วจากเหตุไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบ หากแกนนำปักษ์ใต้คนนี้โดนข้อหาเพิ่มอีกนั้น ภท.วางคนอื่นแทนจะเวิร์กกว่า

 

"พรรคเพื่อไทย" หัวหน้าพรรคที่ชื่อ"นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว"ระบุไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.เหตุเกรงฝ่ายประชาธิปไตยตัดแต้มกันเอง แต่ส่งผู้สมัครส.ก.ครบทุกพื้นที่ และไม่น่าส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.ภาคใต้ทั้งสองเขต โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานา  โดยขอเวลาเตรียมตัวลงสนามใหญ่ในเร็ววันนี้ เพื่อปักธง 350 เขตให้สมดังแคมเปญเพื่อไทยแลนด์สไลด์ แต่เอาเข้าจริงแล้วพท.ไม่คาดหวังกับการเจาะปักษ์ใต้เท่าใดนัก เพราะเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา(เว้นจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งกลุ่มวาดะห์ย้ายจากพรรคความหวังใหม่มาร่วมกับพรรคของนายใหญ่)พรรคที่นายใหญ่เชียร์สุดใจเคยทะลุพื้นที่นี้ได้หนึ่งครั้ง โดย"กฤษ ศรีฟ้า"สามารถเป็น ส.ส.พังงา พรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งปี2548 และจากนั้นไม่เคยปักธงได้เลย

 

ตอนนี้พท.เร่ง"การดึงเลือดเก่ากลับบ้าน"ดำเนินการแบบต่อเนื่อง โดยอ้างกติกาที่แปรเปลี่ยนการร่วมกันสู้น่าจะเวิร์คกว่าในยามนี้ เพราะตระกูล"ฉายแสง"แห่งเมืองแปดริ้ว และ"เศกสิทธิ์ ไวยนิยมพงศ์ "อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด ที่เคยไปร่วมตั้งพรรคเส้นทางใหม่นั้น"พับโครงการและกลับบ้านเก่าแล้ว" รวมทั้ง"สามารถ แก้วมีชัย" อดีตผู้แทนฯเชียงรายที่เคยแตะมือกับพรรคไทยสร้างไทย เพราะไม่แฮปปี้บทบาทของ"สมพงษ์ อมรวิวัฒน์-ยงยุทธ ติยะไพรัช"ในศึกเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงรายก็คืนรังเก่าแล้วเช่นกัน    

 

การคัมแบ็กอาคาร"โอเอไอทาวเวอร์"ของอดีตสมาชิกเพื่อไทยนั้นนัยว่า"คนแดนไกลและคุณหญิงจันทร์ส่องหล้า"ส่งเทียบเชิญคนกันเองกลับสำนักเก่าเรื่อยๆ และมีการแบ่งขั้วอำนาจของแต่ละมุ้งในพรรคกันใหม่เพื่อมิให้ล้ำเส้นกันและกัน 

 

แต่ปัจจัยหนึ่งที่น่าพินิจคือ หลายจังหวัดที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายไปพรรคคู่แข่งและพื้นที่เหล่านั้นยังไร้แกนนำดูแล ทราบว่า"นายใหญ่"กำลังทาบทาม"บ้านใหญ่"ในแต่ละจังหวัดที่ยังไม่มีใครมาสู่ขออย่างเป็นทางการ/สังกัดพรรคอื่นในตอนนี้แต่มีสายใยที่ดีดับนายใหญ่ในวันวานให้มาร่วมงานกับพท. บวกกับการวางเกมสู้นโยบายลุงตู่ที่อัดแหลกแจกไม่อั้น เน้นผู้ใช้แรงงาน-ชนชั้นรากหญ้าและเกษตรกรในสังคมได้สัมผัสเม็ดเงินจากนโยบายต่างๆของรัฐบาลนั้น เป็นข้อกังวลใจที่พท.ต้องหาวิธีใหม่เพื่อดึงแต้มกลับมาให้ได้...เพราะประเมินแนวโน้มแล้วลุงตู่ต้องจัดเต็มทุกโปรโมชั่นในช่วงจากนี้ไปโดยอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ-ดูแลประชาชนให้เข้มแข็งรับการเปิดประเทศบนภาวะโควิด-19 

 

"พรรคก้าวไกล" แกนนำพรรคย้ำแล้วว่าพร้อมส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.ทั้งสองเขตในภาคใต้  และพร้อมลุยชิงเก้าอี้ประมุขเสาชิงช้า โดยจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.และว่าที่ผู้สมัครส.ก.ห้าสิบเขตในกลางเดือนมกราคม 2565 แต่ก็ยังไม่แย้มไต๋เกี่ยวกับสองสนามนี้ออกมา  

 

ตรงนี้ ต้องจับอาการพรรคสีส้มเวอร์ชั่นสองว่าจะขยับหมากหลากก้าวอย่างไรให้จุดติด  เพราะอย่าลืมว่าการลุยแก้รัฐธรรมนูญ-รณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112-การช่วยเหลือผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล-สถาบัน-การลุยกับภาคประชาสังคมต้านเมกะโปรเจกต์-นโยบายของรัฐบาลนั้นเป็น"พันธกิจที่พรรคสีส้มเวอร์ชั่นสองเปิดแนวรบทั่วถ้วน" หากจะหวังได้ชัยชนะนั้น การลุยทุกแพลทฟอร์มแบบไม่กลัวแพ้-ไม่ทบทวนบทเรียน จังหวะการเมืองหลายประเทศก็มีบทเรียนให้พิจารณาว่าการสู้แบบหัวชนฝา-รบทุกแนวรบนั้น สุดท้ายแล้วผลลัพธ์เป็นเช่นใด