เบื้องลึกเบื้องลับเป็นอย่างไรก็คิดกันเอาเองเพราะถ้าไม่มีเหตุอันใดอยู่เบื้องหลังไหนเลยจึงเกิดขบวนการขับไล่นายสมศักดิ์และกลุ่ม 3 ช.ออกจากตำแหน่ง ติดตามได้จากเจาะประเด็นร้อน โดย รามจักร
หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญของชาติตามราชประเพณีก็มีขาเชียร์ลุงออกมาโจมตีกรมราชทัณฑ์ว่าใช้อำนาจเหนือศาลที่ลดโทษให้แก่ผู้ต้องโทษคดีจำนำข้าวเหลือโทษจำคุกไม่กี่ปี
พอเป็นกระแสกองเชียร์ชุดใหญ่ขาเก่าก็เปิดฉากเรียงหน้ากันเป็นตับรุมกันด่าว่านายสมศักดิ์ เทพสุทินว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคพวกเก่าของพรรคเพื่อไทยทำลายกระบวนการยุติธรรม รุ่งอีกวันเดียวก็รุมกันขับไล่นายสมศักดิ์ออกจากรัฐบาลและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปลดนายสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งก็กระทบไปถึงกลุ่ม 3 ช.ทั้งกลุ่มที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย
ชาวบ้านก็พากันงงเต็กเพราะการลดโทษนั้นเป็นไปตามความในพระราชกฤษฎีกาที่ทรงมีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยโทษ
ต้องขอย้ำว่าเป็นไปตามพระบรมราชโองการในการตราพระราชการกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษที่กรมราชทัณฑ์ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น
พระราชกฤษฎีกานั้นเกิดจากรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงตราเป็นพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ มีเนื้อความชัดเจนอยู่ราชกิจจานุเบกษาแล้วและพระบรมพระราชโองการตราพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการก็คือนายกรัฐมนตรี
ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับกรมราชทัณฑ์และนายสมศักดิ์ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกา
ที่น่าแปลกใจก็คือก็กลุ่ม 3 ช.ไม่ใช่หรือที่รวมผู้รวมคนปกป้องนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากนั้นก็ยังพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีและยกขบวนไปพบพลเอกประวิตร แจ้งให้ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อปรับปรุงคณะกรรมการบริหารใหม่
แต่พลเอกประวิตรก็นิ่งเฉย ต่อมาเสนอให้คณะกรรมการบริหารลาออกให้เกินครึ่งก็จะต้องเลือกคณะกรรมการบริหารกันใหม่ พูดให้ชัดคือปลดหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และเหรัญญิกพรรค พร้อมกันทีเดียวนั่นเอง แต่ในที่สุดเมื่อมีการประชุมภายใน สอบถามความคิดเห็นของกรรมการบริหารพรรคและผู้เกี่ยวข้อง ทุกคนก็ขอให้เป็นไปตามเดิม
จนกระทั่งมีข่าวว่ากลุ่ม 3 ช.จะย้ายกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย โดยกองเชียร์เจ้าเดิมนั่นแหละที่เป็นคนรายงานข่าวนี้ ซึ่งกลุ่ม 3ช.ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งถ้าข้อปฏิเสธนี้เป็นความจริงก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรในรัฐบาล
เว้นแต่มีเงื่อนงำเบื้องหลังว่าข่าวลือนั้นก็คือข่าวจริงที่มาก่อนเวลา โดยก่อนเวลาจะมาถึงกลุ่ม 3 ช.จะขอนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้เบิกบานสำราญใจไปจนกว่ารัฐบาลจะมีอันเป็นไป
เบื้องลึกเบื้องลับเป็นอย่างไรก็คิดกันเอาเองเพราะถ้าไม่มีเหตุอันใดอยู่เบื้องหลังไหนเลยจึงเกิดขบวนการขับไล่นายสมศักดิ์และกลุ่ม 3 ช.ออกจากตำแหน่ง
ต้องไม่ลืมว่านายสมศักดิ์ เทพสุทินนั้นเป็นนักการเมืองและเป็นศิษย์เอกของเจ้าสำนักสวนพลูหม่อมป้าและยังเป็นศิษย์เอกของเกจิใหญ่ทางการเมือง คือ นายมนตรี พงษ์พานิช และชีวิตการเมืองหลายสิบปีก็เป็นรัฐมนตรีตลอด ไหนเลยจะปล่อยให้กองเชียร์ตีฆ้องโห่ไล่อย่างนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง